หอพระพุทธพิริยมงคล แห่งบ้านราชมงคลธัญบุรี


"ความเป็นมาสถานที่"      

    มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จัดสร้างพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยฯ  เพื่อให้นักศึกษาใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ กราบไหว้ และปลูกฝังให้นักศึกษาตระหนักถึงหน้าที่ชาวพุทธ

รศ.ดร.ประเสริฐ  ปิ่นปฐมรัฐ  อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล  (มทร.)  ธัญบุรี  เล่าว่า  มหาวิทยาลัยฯ  ได้สร้างพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยฯ  ขนาดหน้าตัก  45  นิ้ว  ด้วยเนื้อนวโลหะ  ผลงานการออกแบบโดย  อาจารย์บำรุงศักดิ์ กองสุข บัณฑิตกิตติมศักดิ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์  ซึ่งมีแนวคิดในการออกแบบจากมหาวิทยาลัยเป็นสถาบันแห่งการศึกษา  จึงได้มุ่งเน้นในเรื่องของ  สติ  สมาธิ  ปัญญา  โดยด้านบนสุดตรงพระเศียรลักษณะจะเป็นดอกบัวตูม เปรียบเหมือนปัญญา และมหาวิทยาลัยฯ ตั้งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี  ลักษณะพระพุทธรูปจะนั่งขัดสมาธิเพชร  โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุคของเชียงแสนและศิลปะอินเดียแบบคุปตะ  ในส่วนของพระวรกายจีวร ได้รับแนวคิดมาจากศิลปะอินเดียแบบคุปตะนั่งอยู่บนฐานบัว  

โดยทางมหาวิทยาลัยฯ ได้อัญเชิญตราประจำพระองค์  (สธ.)  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี  ประดิษฐานบนผ้าทิพย์ของพระพุทธรูป  เพื่อเป็นศาสนสถานและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้บริหาร  คณาจารย์  เจ้าหน้าที่  และนักศึกษา  และเพื่อความเป็นสิริมงคลอันสูงยิ่งแก่มหาวิทยาลัยฯ

"คำบรรยายสถานที่"     

“ปัญญาภาวนา” แนวคิดการออกแบบหอพระพุทธพิริยมงคล พระพุทธรูประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ผลงานของนายอนุวัฒน์ เติมเจิม อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม

นายอนุวัฒน์ เติมเจิม เผยว่า การออกแบบหอพระพุทธพิริยมงคล เป็นสถาปัตยกรรมไทยประเพณี แนวคิด“ปัญญาภาวนา” โดยมีดอกบัวเป็นสื่อสัญลักษณ์ และใช้เป็นสิ่งอุปมาแก่การออกแบบรูปทรง และเครื่องประกอบทางสถาปัตยกรรมต่างๆ โดยมุ่งสร้างความหมายโดยนัย คือ ความเจริญงอกงามแห่งปัญญาจากความเพียรในการพัฒนาชีวิต ด้วยการเน้นจัดวางจังหวะขององค์ประกอบก้าวหน้าที่แสดงนัยของความเปลี่ยนแปลงไปในเชิงคุณภาพ เช่นเดียวกับปัญญาที่ได้รับการพัฒนาเป็นลำดับไปจนถึงขีดสุด พร้อมกับแฝงความหมายทางพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องไว้ในลักษณะขององค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมเหล่านั้น ได้แก่บัวสี่เหล่า ปัญญาสาม ภาวนาสี่ อริยสัจสี่ มรรคแปด โลกุตรธรรมเก้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเพียร คือธรรมอันเป็นเครื่องนำมาซึ่งความสุขความเจริญ หัวใจของความสำเร็จสูงสุดแห่งกระบวนการพัฒนาชีวิต อันมีพระพุทธพริยมงคลเองเป็นตัวแสดงและเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จสูงสุด

ก่อให้เกิดเป็นผลสัมฤทธิ์ของการออกแบบ คือ เอกภาพของรูปและความหมายระหว่างองค์พระพุทธรูปกับหอพระ และการเป็นสัญลักษณ์ที่มาเสริมสร้างความหมายแห่งสถานที่แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี อันเป็นที่ตั้งตามนัยของ “มหาวิทยาลัยแห่งดอกบัว” คือ “สถานที่แห่งการพัฒนาปัญญา”  พื้นฐานสำคัญในการสร้างแนวคิด คือ การออกแบบให้สัมพันธ์กับสัญลักษณ์สำคัญคือดอกบัว ได้แก่ ดอกบัวในตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเป็นบัว 8 กลีบรองรับพระราชลัญจกรในรัชกาลที่ 9 ประติมากรรมบัวทอง มีลักษณะเป็นรูปดอกบัว 4 ชั้น มีกลีบบัวเป็นเส้น 8 เส้น ซ้อนกัน 3 ชั้น ในลักษณะสลับ ลดหลั่นกันขึ้นสูงรับยอดรูปบัวตูม บัวสวรรค์ ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย พิพิธภัณฑ์บัว  แหล่งเรียนรู้ ศึกษาและรวบรวมอนุรักษ์สายพันธุ์บัว ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัย

และการออกแบบให้สัมพันธ์กับพุทธลักษณะของพระพุทธพิริยมงคล โดยพระพุทธพิริยมงคล มีพุทธลักษณะอันสงบงาม แนวแน่มั่นคงด้วยความเพียร ตามนัยของปางสมาธิเพชร และมีศิลปะลักษณะเป็นอย่างเรียบง่ายด้วยเส้นสายที่น้อย แต่อ่อนช้อย ถึงความพร้อมด้วยมหาปุริสลักษณะ ส่วนบนของพระเศียรมีพระรัศมีเป็นรูปดอกบัวตูมอยู่เหนืออุษณีษะ  โดยรูปทรงเป็นอย่างจัตุรมุข รวมเข้ากับรูปและความหมายแห่งแนวความคิดที่วางไว้ข้างต้น จึงก่อรูปขึ้นทรงอาคารเป็นทรงทางแนวตั้งตามแบบลักษณะอาคารเครื่องยอดหรือ กุฎาคาร โดยใช้เส้นทรงจอมแหเป็นเครื่องกำกับรูปทรงโดยรวม ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ คือส่วนฐาน ส่วนเรือนธาตุ และส่วนยอด ส่วนฐาน ประกอบด้วย 2 ส่วน คือชั้นฐานไพที และชั้นฐานอาคาร

ส่วนเรือนธาตุ มีลักษณะเปิดโล่ง 3 ด้าน ด้านหลังเป็นฉากผนังทึบ มีเสาลอยรับมุขทั้ง 4 ด้านสร้างความโปร่งให้แก่รูปทรง และส่วนยอด แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนหลังคา เป็นทรงจั่วจัตุรมุข มีมุขลด 4 ด้าน ลักษณะอย่างซุ้มจระนำ ไม่มีหน้าบัด สัดส่วนจั่วใช้ช่วงพาดต่อความสูง และส่วนเครื่องยอดเป็นทรงบัวกลุ่มแปดเหลี่ยม 3 ชั้นเทินอยู่บนจุดตัดสันหลังคา จัดวางแต่ละชั้นสับหว่างด้านกับมุม มีขนาดลดหลั่นกันขึ้นสูงภายใต้เส้นทรงจอมแห โดยได้แบบอย่างมาจากประติมากรรมบัวทอง องค์ประกอบประดับส่วนยอดสูงของหอพระ คือ เม็ดน้ำค้าง ออกแบบเป็นบัวกลุ่ม 4 ชั้นอยู่ในรูปทรงดอกบัวตูม เครื่องประกอบ และลาย เครื่องลำยอง คือเครื่องปิดมุงหลังคาด้านหน้าจั่วที่ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม แบบเครื่องลำยองที่ใช้เป็นลักษณะอย่างที่เรียกว่า รวยระกา ช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ การออกลายทั้งหมดเป็นเอกภาพตามแนวคิด “ปัญญาภาวนา” คือการพัฒนาปัญญาเจริญงอกงาม ฐานซุกซี ออกเป็นลักษณะแบบฐานสิงห์ แต่เกลาให้เรียบไม่มีรายละเอียดหรือลาย เพื่อรับกับลักษณะของรัตนบัลลังก์

หอพระถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อ สร้างแล้วรื้อถอนไม่ได้ จึงต้องกำหนดขึ้นโดยความเหมาะสมในระดับผังแม่บทของมหาวิทยาลัย และควรมีสภาพที่เหมาะสมที่ส่งเสริมความชุ่มชื่นเบิกบานใจแก่ชนทั้งหลาย ดังนั้นบริเวณที่ตั้งของหอพระควรตั้งบนแนวแกนสำคัญของผังมหาวิทยาลัย วางแนวไปตามทิศตะวันออก-ตะวันตก ด้านทิศตะวันออกเป็นด้านหน้าหันเข้าสู่คลองหก ซึ่งองค์ประกอบสำคัญในระดับสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ก็ล้วนตั้งอยู่บนแกนนี้เช่นกันเรียงลำดับจากทิศตะวันตกไป ได้แก่ หอประชุมใหญ่ ลานอนันต์รังสรรค์ ประติมากรรมบัวทอง และเสาธง โดยมีสระน้ำใหญ่ และพื้นที่เปิดโล่งอยู่ถัดไปด้านหน้าอีกฟากหนึ่งของสระน้ำเป็นสวนป่ามีธรรมชาติร่มรื่นอันเหมาะแก่การสร้างหอพระ

มหาวิทยาลัยได้อัญเชิญพระพุทธพิริยมงคล ไปประดิษฐานยังหอพระ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561และเจริญพระพุทธมนต์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2561

"แผนที่ตั้งสถานที่"

     คลิกที่นี่เพื่อเปิด Google map

"เงื่อนไขในการเข้าชมสถานที่"       

     สามารถเข้าชมได้ตลอดที่มหาวิทยาลัยเปิดและควรแต่งกายให้เหมาะสม

"ผู้ดูแลสถานที่"       

     ส่วนกลางของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

 "วิธีเดินทางมายังสถานที่"

     วิธีที่ 1     

    นั่งรถเมล์สาย538 ลงตรงทางเข้าประตู3 แล้วเดินเข้าประตู3 เดินตรงไปจนถึง 4 แยก แล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไป ประมาณ70เมตร ก็จะถึงหอพระพุทธพิริยมงคล

     วิธีที่ 2

     สามารถนั่งรถรางจากประตู 4 มาลงตรงหอพระพุทธพิริยมงคล

     วิธีที่ 3

     นั่งวินมอเตอร์ไซค์เสื้อน้ำเงินมีค่าใช้จ่าย 10 บาท ทั่วมหาวิทยาลัย

"ระยะเวลาเยี่ยมชมสถานที่"

     เวลา 08:30 - 16:30 น.

     (อ้างอิงตามเวลาปิดเปิดของมหาวิทยาลัย)