มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (Rajamangala University of Technology Thanyaburi)
กำเนิดราชมงคลธัญบุรี ( Rajamangala University of Technology Thanyaburi)
ในสังคมไทย แต่เดิมมีค่านิยมของการศึกษาต่างกันกล่าวคือ ไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาเพื่อสร้างอาชีพโดยตรง เช่น อาชีวศึกษา เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ที่เรียนสายอาชีวศึกษามีความรู้สึกต่ำต้อยในสังคม และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการศึกษาที่จัดอยู่ในขณะนั้น เพราะถูกจำกัดการศึกษาเพียงระดับอนุปริญญาเท่านั้น ก็ทำให้เกิดความไม่พอใจต่อสภาพการณ์ดังกล่าว ดังนั้นนักศึกษาอาชีวศึกษาหลายแห่งจึงรวมตัวกันเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการจัดการศึกษาให้ถึงระดับปริญญา เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๑๗ จากนั้นจึงเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาในเวลาต่อมา
ก้าวแรกของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา
เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ตามร่างพระราชบัญญัติ "วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาพุทธศักราช ๒๕๑๘” ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เป็นต้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตครูอาชีวศึกษาระดับปริญญาตรีให้การศึกษาทางด้านอาชีพทั้งระดับต่ำกว่าปริญญาตรีระดับปริญญาตรีและประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ทำการวิจัยส่งเสริมการศึกษาทางด้านวิชาชีพ เทคโนโลยีและให้บริการทางวิชาการแก่สังคม
สภามหาวิทยาลัยได้มีมติให้แต่งตั้งนายสวาสดิ์ ไชยคุณา ซึ่งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมอาชีวศึกษาในขณะนั้นเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิการบดี เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๑๙ และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายสวาสดิ์ไชย คุณาดำรงตำแหน่งอธิการบดีอีกวาระหนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓ แม้ว่าวิทยาลัยจะได้เปิดการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ แต่ความจริงในระยะเริ่มแรกของวิทยาลัยยังไม่มีสถานที่ศึกษาของวิทยาลัยเองเนื่องจากปัญหาอุปสรรคด้านนโยบายและแนวทางปฏิบัตินานาประการจึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดตั้งศูนย์กลางการศึกษาระดับปริญญาแห่งนี้เพื่อเปิดสอนให้มารวมอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกันได้มาตั้งแต่ต้นจนถึง พ.ศ. ๒๕๒๗
จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งเป็นสมัยที่ศาสตราจารย์ อนันต์ กรุแก้ว เป็นอธิการบดีคนที่ ๒ ทางวิทยาลัยฯ ได้รับการอนุเคราะห์จากกรมธนารักษ์ จัดสรรที่ดินที่คลองหก ฝั่งตะวันตก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ ๖๑๐-๓-๔๑ ไร่ และตำบลคลอง รังสิตฝั่งเหนือ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ ๑๐๙-๓-๐๔ ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมด ๗๒๐-๒-๕๕ ไร่ให้ใช้เพื่อจัดตั้งศูนย์กลางการศึกษาระดับปริญญาของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาต่อไป จากนั้นมาทางวิทยาลัยฯ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเข้าไปเจรจากับชาวบ้านและผู้ที่ทำนาขอใช้ที่ดินเพื่อจัดสร้างศูนย์กลางการศึกษาระดับปริญญาในขั้นแรกปรากฏว่าตกลงกันไม่ได้ การศึกษาในระบบฝากเรียนของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาที่ต้องกระจัดกระจายการเรียนการสอนในสมัยนั้น นับเป็นปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานการเรียนการสอนและการบริหารงานเป็นอย่างมาก แม้แต่สำนักงานอธิการบดี ซึ่งเป็นองค์กรประสานการบริหารงานและกิจกรรมระหว่างคณะต่าง ๆ ก็ตาม
ก็มีเพียงสำนักงานเพียงหลังเดียวอยู่ในวิทยาเขตเทเวศร์ อีกทั้งยังไม่สามารถขยายสถานที่ทำงานออกไปได้ เพราะพื้นที่อันจำกัดของวิทยาเขตนั่นเอง ในความเป็นจริงแล้ว วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการจัดการศึกษาระดับปริญญาให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากรทุกประเภท
ดังนั้นวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาจึงมีแนวคิดและความพยายามที่จะหาทางจัดให้คณะต่างๆ ที่เปิดสอนระดับปริญญาได้มารวมกันอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งให้ได้เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและสามารถขยายงานการเรียนการสอนระดับปริญญาด้านเทคโนโลยีออกไปให้ก้าวไกลขึ้นตลอดมา
จนได้มีการเจรจาหลายครั้งกับชาวบ้านที่ไม่มีเอกสิทธิ์ใดๆ แต่ได้อาศัยพื้นที่กันมานานแล้วจึงเป็นปัญหาที่ต้องทำความเข้าใจถึงการพัฒนาพื้นที่ เพื่อสร้างเป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับปริญญาด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดได้สร้างความเข้าใจแก่ผู้ที่อาศัยในพื้นที่พอสมควร พร้อมกันนั้นก็ได้ส่งอาจารย์ไปเยี่ยมเยียนและเจรจากับผู้ที่อยู่ในพื้นที่นับตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้านจนถึงลูกบ้านทุกคน จนได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นจนสำเร็จ บางรายยอมรื้อถอนบ้านออกจากพื้นที่และยินยอมให้วิทยาลัยฯ ได้เข้าไป ชุดคูทำเขื่อนคันดิน และปรับปรุงพื้นที่ ตลอดจนทำถนนในบริเวณที่ทำนาอยู่ทุกรายวิทยาลัยฯ ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านคลองหกเป็นอย่างดี และได้มีผู้ที่สมัครเข้าทำงานกับวิทยาลัยฯ หลายคน จนวิทยาลัยฯ สามารถเข้าไปดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ศูนย์กลางการศึกษาระดับปริญญาได้อย่างเต็มตัวตั้งแต่นั้นมา
การเจรจาต้องใช้เวลาถึงปีเศษจึงเข้าดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ได้และดำเนินการก่อสร้างได้เริ่มขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นต้นมา เมื่อการก่อสร้างดำเนินการมาจนถึงปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๐ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ได้ขอพระราชทานเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ศูนย์กลางการศึกษาระดับปริญญา ซึ่งสำนักราชเลขาธิการได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ วางศิลาฤกษ์ ศูนย์กลางการศึกษา ระดับปริญญาวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาในวันอังคารที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๑ เวลา ๑๖.๐๙ น. ยังความปลื้มปิติยินดีมาสู่คณาจารย์ ข้าราชการนักศึกษา และเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยฯ เป็นล้นพ้น
พระราชทานนาม”สภาบันเทคโนโลยีราชมงคล”
ผลการดำเนินการก่อสร้างศูนย์กลางการศึกษาระดับปริญญาตรีในพื้นที่ ๗๒๐ ไร่ ๒ งาน ๔๕ ตารางวา ในที่ดินราชพัสดุดำเนินการสำเร็จลุล่วงมาด้วยดี สิ่งก่อสร้างทั้งอาคารเรียนและสาธารณูปโภคต่างๆได้ก่อสร้างสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง และคาดว่าจะใช้ประโยชน์ได้สมบูรณ์ในปีการศึกษา ๒๕๓๔ เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบและด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ที่ทรงพระเมตตาต่อวิทยาลัยฯ โดยเสด็จมาพระราชทานปริญญาแก่บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยด้วยพระองค์เองทุกครั้ง
เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๑ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อนักเรียนอาชีวศึกษา เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อสถาบันว่า“ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” แปลว่า“ สถาบันเทคโนโลยีอันเป็นมงคลแห่งพระราชา” หมายความว่าชาวราชมงคลทุกคนตั้งแต่คณาจารย์ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่และนักศึกษาทรงถือว่าเป็นมงคลแห่งพระองค์ท่าน
นับแต่นั้นมาสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลจึงเป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่งผลิต“ บัณฑิตนักปฏิบัติ "รับใช้สังคมเป็นที่ยอมรับถึงศักยภาพของบัณฑิตตลอดมา ดังนั้นวันที่ ๑๕ กันยายนของทุกปีจึงกำหนดให้เป็น“ วันราชมงคล" ที่ชาวราชมงคลทุกคน เพื่อที่จะได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานนามสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จนเป็นที่รู้จักกันทุกวันนี้
จาก”สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” สู่ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล”
นับเป็นโอกาสดีของสถาบันเทคโนโยลีราชมงคล ที่ประเทศไทยได้ประกาศใช้กฎหมายการศึกษาฉบับแรก คือพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ส่งผลให้มีการรวมการจัดการศึกษาทุกระดับไว้ในกระทรวงเดียวกันคือกระทรวงศึกษาธิการ (ใหม่) และให้สถาบันอุดมศึกษาที่สอนระดับปริญญามาอยู่ในสังกัดเดียวกัน คือสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา รวมทั้งการกระจายอำนาจสถานศึกษา ให้มีการบริหารจัดการที่เป็นอิสระคล่องตัวในรูปแบบของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือสถาบันอุดมศึกษาในกํากับของรัฐ ดังนั้นสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล จึงได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. ๒๕๑๘ เพื่อให้มีโครงสร้างการบริหารและการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับแนวทางพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติและเปลี่ยนจาก "สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล" เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล "ต่อไป
๙ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
ดังนั้นเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๔ จึงได้เกิดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลขึ้นอีก ๙ แห่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโดยมี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (Rajamangala University of Technology Thanyaburi) |
www.rmutt.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ (Rajamangala University of Technology Krungthep) |
www.rmutk.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (Rajamangala University of Technology Tawan-ok) |
www.rmutto.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (Rajamangala University of Technology Phra Nakhon) |
www.rmutp.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ (Rajamangala University of Technology Rattanakosin) |
www.rmutr.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (Rajamangala University of Technology Lanna) |
www.rmutl.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (Rajamangala University of Technology Srivijaya) |
www.rmutsv.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi) |
www.rmutsb.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (Rajamangala University of Technology Isan) | www.rmuti.ac.th |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเต็มตัว ทิศทางการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาแห่งนี้ จึงเน้นการบริหารจัดการให้มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งรวมของวิชาการหลายสาขา มีคณะหลากหลายให้ผู้เรียนได้เลือกเรียนตามความสนใจ เป็นมหาวิทยาลัยแนว Comprehensive ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้เรียนหลงลืมความชัดเจนในการเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเฉพาะทาง ที่มีรากเหง้ามาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษามุ่งสร้างบัณฑิตนักปฏิบัติคุณภาพ ซึ่งมีแผนพัฒนาและก้าวย่างอย่างมั่นใจไปบนทิศทางแห่งการพัฒนามหาวิทยาลัย ให้เป็นศูนย์รวมการศึกษาที่มาตรฐานโดยมีวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน