หลายคนเชื่อว่า โลกภาพยนตร์คือโลกแห่งจินตนาการ … โลกที่เราจะเป็นอะไรก็ได้ตามใจฝัน เพราะทุกชีวิตที่โลดแล่นบนจอ เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้สร้างที่กำเนิดขึ้นด้วยจุดประสงค์เพื่อความบันเทิง แท้ที่จริงแล้วในทางกลับกัน ภาพยนตร์คือสื่อที่สะท้อนความเป็นจริงของสังคม คือการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของผู้คนและความเป็นไป ภายใต้ความบันเทิง ซึ่ง “ดร.ภัสสร สังข์ศรี” และ “ผศ.พลอย ศรีสุโร” สองผู้ดำเนินรายการ ได้มองเห็นคุณค่าของภาพยนตร์ ที่ให้อะไรกับสังคมได้มากกว่า ที่ทุกคนเห็น จึงเกิดความคิดอยากมีรายการวิทยุเกี่ยวกับการวิเคราะห์หนัง วิพากษ์ประเด็นสำคัญของเนื้อหารวมถึงการรีวิวแนะนำหนังดี ๆ ให้กับผู้ฟังผ่านรายการ Cinema Café ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียง มทร.ธัญบุรี FM 89.5 MHz ทุกวันเสาร์ เวลา 15.30 – 16.00 น.
“รายการนี้ออกอากาศมาเกิน 5 ปีแล้วค่ะ” ดร.ภัสสร กล่าวกับเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วพูดต่อว่า ทางสถานีอยากให้รายการเป็นลักษณะ Edutainment หนังก็เป็นลักษณะของความบันเทิงและการศึกษาได้ด้วย ตัวเองเรียนมาทางด้าน Film Studies จาก Murdoch University ออสเตรเลีย เรียนเรื่องหนังโดยเฉพาะ แต่ถ้าถามว่าอยากทำหนังหรือเปล่า ก็ไม่ได้คิดอาจเอื้อมค่ะ เพียงว่าเราเป็นคนคลั่งไคล้หนังมาก แล้วเราเห็นคุณค่าของหนัง ซึ่งเราทำเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หนัง เลยมีความสนใจหนังไทย ตอนยังเป็นเด็ก ๆ ก็ดูหนังไทยตั้งแต่คุณพ่อพาไปโรงหนัง ซึ่งหนังไทยในความทรงจำ ก็ตั้งแต่ยุคมิตร – เพชรา เราก็ชอบหนัง ของท่านมุ้ย (ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล) นี่ดูตั้งแต่ทองพูน โคกโพธิ์ ราษฎรเต็มขั้น เขาชื่อกานต์ มันมาจากความมืด ความรักครั้งสุดท้าย น้องเมียที่คุณภัสสรเล่นก็ดูค่ะ… ที่ชอบดูหนังก็เพราะหนังมันมีความหมายสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดได้ด้วย หนังทำหน้าที่ขับเคลื่อนสังคมได้” วันนี้ “ผศ.พลอย” ผู้ดำเนินรายการอีกท่านหนึ่งติดภารกิจสำคัญ จึงเป็นหน้าที่ของ “ดร.ภัสสร” ตัวแทนรายการ Cinema Café มาเปิดใจกับผม แบบ Non-Stop
…ด้วยเหตุผลอะไร Cinema Café จึงต้องมีทั้ง “ดร.ภัสสร สังข์ศรี” และ “ผศ.พลอย ศรีสุโร” พอจัดรายการคนเดียวแล้วเรารู้สึกว่าคุยไม่สนุกเคยลองมาแล้วค่ะ” ดร.ภัสสร รีบออกตัวก่อนพูดต่อว่า “เราสองคนจะแบ่งงานกัน รีวิวกันคนละเรื่อง เนื้อหาที่คุยกันก็จะขึ้นอยู่กับประเด็นของหนังด้วยค่ะ
บางทีเราก็คุยกันว่า เฮ้ย! หนังเรื่องนี้มันทำหน้าที่รับใช้สังคมยังไง? หนังมันสะท้อนสังคมยังไง? ทำหน้าที่ยังไง? จริง ๆ หนังเป็น Soft Power คืออาวุธทางปัญญา ที่มีคุณค่า คุณอยากจะชี้นำอะไรสังคมผ่านหนังก็ได้ เพียงแต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเราไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง เพราะอะไรเราก็ตอบไม่ได้ แท้ที่จริงแล้วอุตสาหกรรมบันเทิงคือ Soft Power ที่มีอิทธิพลมาก ดูเกาหลีเป็นตัวอย่างสิค่ะ” …เรื่องนี้เห็นทีภาครัฐคงจะต้องลงมาดูแลแบบจริงจังกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยแบบก้าวกระโดดกันเสียทีแล้วมั้งครับ…
…กับคำถามที่ว่ามีวิธีเลือกหนังที่มารีวิวในรายการกันอย่างไร? “…อันดับแรกเราจะอ่านรีวิวมาก่อนเข้าไปดูหนังเหมือนกันค่ะ ต้องตัวอย่างหนังก่อนดูชื่อผู้กำกับ ดูคอนเทนต์ ดูโปรดักชั่น หรือว่าดูความสดใหม่ ดูหนังรางวัล แต่บางทีก็ดูมั่ว ๆ เหมือนกันนะ (หัวเราะ) ส่วนตัวชอบหนังหลากหลายแนวค่ะ หนังสะท้อนสังคม เนื้อหาเข้มข้นก็ชอบ บางครั้งก็ดูหนังตลก ชอบดูทุกแนวค่ะ …หนังเนี่ยถ้าทำออกมาได้ดีคนดูเค้าก็ดูค่ะ ทุกวันนี้คนเข้าโรงหนังน้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจด้วยนะ และก็ตัวเลือกมันเยอะมากขึ้น การเข้าโรงหนัง แต่ละครั้งมันมีค่าใช้จ่ายตั้งเท่าไหร่ แต่ตัวหนังจริง ๆ แล้ว นอกจากการความบันเทิง หนังยังสร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลัง แล้วก็เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย หนังก็ทำหน้าที่ของตัวมันเองแหละ เพียงแต่เราก็เลือกดูหนังที่มันดี ๆ โดยมีไกด์แนะนำมันก็โอเคเหมือนเป็นคู่มือในการดูหนังนะคะ …” และแน่นอนครับ ถ้าคุณติดตามรายการ Cinema Café คุณจะได้ไกด์แนะนำหนังและ ซีรีส์ ได้เข้าใจ ได้ตีความ และได้แรงบันดาลใจ ที่ถูกส่งต่อมาอย่างที่คุณอาจ ไม่เคยคาดคิดมาก่อน!!!..
…..ติดตามรับฟังรายการ Cinema Café ทุกวันเสาร์ เวลา 15.30 – 16.00 น. ออกอากาศทาง สถานีวิทยุกระจายเสียง มทร.ธัญบุรี FM 89.5 MHz…..
เรื่อง – ภาพ ชวลิต อรุณทัต