กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 3 ต.ค. 2566
กรุงเทพธุรกิจนักวิจัย มทร.ธัญบุรี นำท่านาฏศิลป์ประยุกต์ ส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุเพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง บทบาทและความสำคัญของการนำเอาศาสตร์และศิลป์ทางด้านนาฏศิลป์และดนตรี ที่สำคัญเป็นการสร้างความสัมพันธ์ภายในสังคมระหว่างบุคคล บูรณาการ ในการเรียนการสอนเป็นสื่อการเรียนรู้
และการนำไปใช้ในการสร้างงานที่เชื่อมโยง กับชุมชน และสังคม
ทีมนักวิจัยประกอบด้วย ผศ.ประวิทย์ ฤทธิบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาวิชานาฏศิลป์ไทยศึกษา ภาควิชานาฏดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ และผศ.ดร.พัชราภัณฑ์ ไชยสังข์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ร่วมกันพัฒนารูปแบบกิจกรรมการออกกำลังกายโดยใช้ ท่านาฏศิลป์ประยุกต์ เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุ โดยนำท่ารำของนาฏศิลป์พื้นฐานกับอัตลักษณ์ท่ารำมอญที่เป็นนาฏศิลป์พื้นเมือง ของท้องถิ่นจ.ปทุมธานี ที่มีความเชื่อมโยง ทางด้านศิลปวัฒนธรรมกับการดำเนินชีวิตมาสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นศักยภาพการนำศิลปวัฒนธรรมความเป็นท้องถิ่น เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาหรือความเจริญทางกาย อารมณ์สังคม และสติปัญญา ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในด้าน การสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นพื้นเมือง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ผู้สูงอายุเข้าถึงได้ง่าย
ท่านาฏศิลป์ประยุกต์ 7 กิจกรรม ประกอบด้วยกิจกรรมที่ 1 สูงวัยใสใจสุขภาพ กิจกรรมที่ 2 เรียนรู้การดูแลตัวเอง กิจกรรมที่ 3 ยืดคลายสไตล์รำไทย กิจกรรมที่ 4 นาฏกรรมสร้างสรรค์ บันเทิงปทุม กิจกรรมที่ 5 นาฏกรรมสัมพันธ์ กิจกรรมที่ 6 สูงอายุโชว์พาว และกิจกรรมที่ 7 ปัจฉิมนิเทศ ใช้เวลาในการทำกิจกรรมจำนวน 16 ครั้งๆ ละ 1 ชั่วโมง 30 นาที ผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน มีความสอดคล้องกันและมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ จำนวน 30 คน ที่อยู่ในศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ หมู่บ้านฟ้ารังสิต ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผลการประเมินระดับความพึงพอใจของของ ผู้สูงอายุที่มีต่อกิจกรรมการออกกำลังกาย โดยใช้ท่านาฏศิลป์ประยุกต์หลังการ เข้าร่วมกิจกรรมโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เนื่องจากผู้วิจัยได้ใช้ท่ารำ ทางนาฏศิลป์ไทยมาประยุกต์เข้ากับจังหวะของดนตรี เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะสามารถนำมาดัดแปลงและประยุกต์เป็นการ ออกกำลังกายแบบแอโรบิกได้
ผศ.ดร.พัชราภัณฑ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า รูปแบบกิจกรรมการออกกำลังกาย โดยใช้ท่านาฏศิลป์ประยุกต์ เพื่อส่งเสริม สุขภาวะของผู้สูงอายุ โดยใช้ศาสตร์ ทางด้านนาฏศิลป์และดนตรี มาประยุกต์โดยใช้หลักของการเคลื่อนไหวของร่างกายในการแสดงออกเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนา หรือความเจริญทางกาย อารมณ์สังคม และสติปัญญา พัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของสื่อเทคโนโลยีและคู่มือกิจกรรมกิจกรรมการออกกำลังกายที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี สามารถปรับสภาพของตนเองในการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ อีกทั้งยังเผยแพร่ใน รูปแบบวิชาการ
สิมิลัน อึงปัญญา (ครูนาย) ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 คุณครูผู้ดูแลห้องเรียน
คลาสกิจกรรมนาฏศิลป์ เป็นอาจารย์ฝึกสอนพิเศษให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ในศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ หมู่บ้านฟ้ารังสิต ต.บึ่งยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยปกติในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ผู้สูงอายุจะรวมตัวกัน ทำกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง ของผู้คนในกลุ่มชุมชน และยังเป็น ช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุได้มีพบปะสังสรรค์ ถามสารทุกข์สุขดิบของกันและกัน
มีโอกาสพูดคุย และนำงานวิจัยนาฏศิลป์ประยุกต์ส่งเสริมสุขภาวะของ ผู้สูงอายุ นำท่ารำประยุกต์มาให้กลุ่มผู้สูงอายุ ได้ทดลองใช้ ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความชื่นชอบ และทำให้พวกเขามีสุขภาพที่แข็งแรง ดียิ่งขึ้น ท่ารำต่างๆ แต่เป็นท่าที่เหมาะสม ซึ่งมีอาจารย์พยาบาลได้กำกับดูแลในทุกกระบวนท่า เพราะแต่ละท่าที่รำนั้นจะมีลักษณะพิเศษ ที่สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อของร่างกายได้รับผลลัพธ์ที่ดีและสุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น ผนวกกับผู้สูงอายุชอบการทำกิจกรรมแบบนี้อยู่แล้ว จึงทำให้งานวิจัยชิ้นดีเกิดความคุ้มค่าได้มากที่สุด
ศรียาพร อัมพวา อายุ 63 ปี ได้เข้าร่วมกิจกรรม การออกกำลังกาย โดยใช้ท่ารำประกอบกับดนตรี เล่าว่ามีความสุข เหมือนได้มาขยับร่างกายได้มาร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ได้พบปะอาจารย์และคนอื่นๆ ทำให้มีความสุข แต่ร่างกาย ก็แข็งแรงขึ้น มากที่สุดเห็นจะเป็นสุขภาพจิต มี ความสุข ไม่เหงา สดชื่น ยิ่งได้พูดคุยและทำกิจกรรมกับเพื่อนๆและพวกอาจารย์ยิ่งทำให้มีความสุข
ผลการวิจัยดังกล่าวจดลิขสิทธิ์ ประเภทงานนาฏกรรม ชื่อผลงาน บันเทิงปทุม และได้รับรางวัลระดับดีเด่น (ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) การประกวดผลงานวิจัยและงานสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ประจำปี 2566 เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนอีกด้วย เป็นแนวทางในการออกแบบกิจกรรมการออกกำลังกายโดยใช้ท่านาฏศิลป์ประยุกต์ ช่วยส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุ ได้เป็นอย่างดี และเพื่อเป็นการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทย สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของการนำเอาศาสตร์และศิลป์ทางด้านนาฏศิลป์และดนตรีมาประยุกต์โดยใช้หลักของการเคลื่อนไหวของร่างการในการแสดงออกเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาหรือความเจริญทางกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา และ ที่สำคัญเป็นการสร้างความสัมพันธ์ภายในสังคมระหว่างบุคคลอันเป็นรากเหง้าของคนไทยต่อไป