กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563
เราโตจากการเป็นเจ้านายตัวเอง ไม่เคยอยู่บริษัทใหญ่มาก่อน จึงต้องทดลองฝึกบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ มีกรรมการอิสระมาตรวจสอบบัญชี เพื่อจัดระบบก่อนก้าวไปสู่มืออาชีพ
สิทธิชัย แดงประเสริฐ
ประกายดาว แบ่งสันเทียะ
กรุงเทพธุรกิจ
เจเอสพี ฟาร์มา ผู้ผลิตยาและสมุนไพร รับจ้างผลิตมากว่า10ปี ปรับพอร์ตสินค้าตามศักยภาพระยะสั้น กลาง ยาว หวังพลิกองค์กร ปักธงสินค้าสมุนไพร พร้อมปรับโครงสร้างโตจากธุรกิจครอบครัว สู่มืออาชีพ ธุรกิจครอบครัวที่มีอายุเก่าแก่กว่า 70 ปี (ปี 2497) ร้านขายยาแผนปัจจุบัน “ง่วนเฮง สุภาพโอสถ” ในย่านหัวลำโพง กระทั่งมาตั้งเป็นโรงงานผลิตยาในปี 2519 ภายใต้ “เภสัชอุตสาหกรรมยา ค็อกซ์” ส่งต่อมายัง เจเนอเรชั่นที่ 3 รุ่นหลาน พร้อมกับการขยายธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารเสริม ภายใต้ บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (JSP Pharma) จนล่าสุด กำลังรุกสู่ตลาด “สมุนไพร” โดยมองว่า เป็นตลาดแห่งโอกาส โดยเฉพาะ “ผลิตภัณฑ์กัญชา”
สิทธิชัย แดงประเสริฐ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท JSP Pharma ทายาทรุ่นที่ 3 เรียนจบเทคโนโลยีชีวภาพ (ไบโอเทค) เล่าว่า มองเห็นโอกาสตลาดยา สมุนไพรทั้งในคนและสัตว์ รวมถึงอาหารเสริม มูลค่าตลาดมหาศาล ทำให้ปรับแผนธุรกิจ โดยใช้ที่ตั้งโรงงานกว่า 3 แห่ง คือ ลำพูน โรงงานสมุนไพร และโรงงานยาแผนปัจจุบันที่พระราม 3 และลำลูกกา ที่ลงทุนไปแล้วกว่า 200 ล้านบาทใน 5 ปีที่ผ่านมา เป็น “กองทัพผลิต”ที่จะพาไปปักธงรอโอกาส
“โรงงานในปัจจุบันมี 3 แห่งคือพระราม3 ลำลูกกา และลำพูน กำลังการผลิต ในปัจจุบัน มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยยอดขาย ในปีที่ผ่านมา 300 ล้านบาท”
โดยในปี 2563 ได้ขยายไลน์การผลิตเพิ่มเติม ด้วยการลงทุนเพิ่ม 50 ล้านบาท ในผลิตภัณฑ์ที่เป็นโอกาสใหม่ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์จากกัญชา โดยมีพื้นที่ทดลองปลูก 2 ไร่ ร่วมมือกับคณะแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชาในเบื้องต้น เพื่อการวิจัย และจะขยายเป็นเชิงพาณิชย์ภายหลังจากได้รับใบอนุญาต 5 ปี โดยผลิตภัณฑ์แรก พัฒนาเป็น “ยานอนหลับ” ในปีถัดไปจะพัฒนาเป็น “ยาแก้ปวด” รวมไปถึงหาพืชชนิดอื่นมาทดลอง เช่น กัญชง และกระท่อม
“กฎหมายระบุว่าจะต้องทดลองเพื่อนำมาใช้กับคน เบื้องต้นร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อวิจัยและพัฒนา ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตการวิจัยฯ ผลิตภัณฑ์เพื่อการพาณิชย์ได้ ใน 5 ปีข้างหน้า ภายใต้การดูแลของแพทย์”
นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาแล้ว บริษัทยังจะพัฒนาโปรตีนจากพืช ผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะเปิดตัว คือ ผำ หรือ ไข่น้ำ ที่จะพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกภายใต้แบรนด์ ของบริษัทขณะเดียวกัน ยังจะพัฒนาสินค้าใหม่ ที่จะเป็นโอกาสในการขยายลูกค้าในตลาด OEM ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
1.ยาแผนปัจจุบัน ด้วยการเพิ่มไลน์การผลิตแคปซูล
2.อาหารเสริม ทำจากเชื้อจุลินทรีย์ (โพรไบโอติก) เพื่อช่วยเสริมระบบทางเดินอาหาร เป็นการขยายฐานลูกค้า
3.ธุรกิจยา สมุนไพรสัตว์ หลังจากฎหมายเกี่ยวกับยาและอาหารเสริม เอื้อให้เกิด การพัฒนาให้กับสัตว์ ทำให้ผู้ประกอบการ มีทางเลือกในการนำสมุนไพรมาใช้กับสัตว์เลี้ยง และสัตว์ในอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคมุ่งไปสู่สินค้าปลอดสาร (ออแกนิค) ทำให้ผู้ประกอบการ ทั้งผู้ผลิตอาหารสัตว์ และผู้ที่ทำตลาด ยาสมุนไพรสัตว์เริ่มเข้าไปทำตลาด เป็นโอกาส สำหรับเจเอสพี ในการเข้าไปเสริมกำลังการผลิตทำ OEM ป้อนตลาดเหล่านี้ ซึ่งมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท หากผู้ผลิตมีการปรับเปลี่ยนจากยาปฏิชีวนะในสัตว์ ที่ในประเทศยุโรปและในหลายประเทศเริ่มแบนในผลิตภัณฑ์ส่งออกที่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ
เขายังบอกว่า การมีสินค้าใหม่ จะเป็นการ เพิ่มโอกาสในตลาดใหม่ๆ รวมไปถึงการขยาย ไลน์การผลิตสินค้าเก่า ถือเป็นการจัดพอร์ต สินค้าให้หลากหลาย โดยกำหนดกลยุทธ์ ให้ยาแผนปัจจุบัน เป็นการเติบโตระยะยาว มีการโตอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่กลุ่มตลาดสมุนไพร และอาหารสัตว์ถือเป็นการเติบโตระยะกลาง ที่จะสร้างโอกาสมหาศาลในช่วง 3-5 ปี ข้างหน้าเมื่อผลิตภัณฑ์กัญชา เปิดกว้างมากขึ้น และตลาดอุตสาหกรรมอาหารปรับเปลี่ยนการใช้ยาปฏิชีวนะ มาเป็นสมุนไพรทดแทน ขณะที่อาหารเสริมคือกลุ่มธุรกิจระยะสั้น ที่สร้างเงินทุนหมุนเวียนที่กำลังเติบโต จากการรับจ้างผลิต
“เราแบ่งพอร์ตเป็นกองทัพ การผลิต ยาสมุนไพรในสัตว์และในคน คาดว่าจะเติบโต ไปเรื่อยๆ โดยโปรเจคที่เปลี่ยนแปลงที่สุด คือกัญชา ที่ตลาดจะเติบโตมหาศาล เมื่อถูกกฎหมาย เพียงแต่ต้องรอเวลา และยังไม่มีความชัดเจนในกฎหมาย”
เขายังบอกด้วยว่า เพื่อเตรียมแผนสำรอง ในการเติบโตรองรับโอกาส เจเอสพีฯ จึงปรับโครงสร้างองค์กรจากธุรกิจครอบครัว (Family Business) เป็นบริษัทมืออาชีพ (Professional) เพื่อเตรียมพร้อม เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้บริหารงาน ปิดงบดุลบัญชีในระบบเดียวกันกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
“ผมโตจากเป็นเจ้านายตัวเอง ไม่เคยอยู่ บริษัทใหญ่มาก่อน จึงต้องทดลองฝึกบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ มีกรรมการอิสระมาตรวจสอบบัญชี เพื่อจัดระบบและก้าวไปสู่มืออาชีพ โดย10ปีที่ผ่านมา เราอยู่แบบครอบครัว จึงต้องพิสูจน์ว่า เราอยู่ได้ไม่อึดอัดและเติบโตได้ในระบบมหาชน” การเข้าตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นทางลัดในการสร้างการเติบโตในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างโอกาสเติบได้อีก 10 เท่า ใน 10 ปีข้างหน้า โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน “ผมเป็นนักวิจัยและนักผลิต ทุกปีมีโปรเจคใหม่ ไม่อยากให้ข้อจำกัดเงินทุนมาเป็นตัวขัดขวาง การเติบโต เรามีไอเดีย มีตลาด มีเทคโนโลยี และมีบุคลากร ผมไม่อยากรออีก 50 ปีให้เราเติบโตอีกสิบเท่า”
การเข้าตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ เขาจึงหวังจะเป็นช่องทาง การระดมทุน ประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อรองรับกับการขยายตัวของสินค้าในอนาคต ที่เมื่อตลาดเติบโตจนมีความต้องการที่สูงขึ้น ภายหลังจากกฎหมายและภาครัฐเอื้อต่อการใช้ยาสมุนไพร และกัญชา ก็พร้อมจะขยายโรงงานรองรับการผลิตทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจใหม่ ที่มีการพัฒนาแบรนด์และขยายการผลิต จะเติบโต ด้วยตัวเลข 2 หลัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า รายได้หลักก็ยังเป็นตลาด OEM ในปัจจุบัน ยังมีสัดส่วน 80% ของรายได้ในปีที่ผ่านมา หรือมูลค่า 250 ล้านบาท จากรายได้ปีที่ผ่านมามูลค่า 300 ล้านบาท โดยตั้งเป้าให้กลุ่มสินค้าทำแบรนด์ขยายตัวขึ้น 30% โดยสินค้าOEM ลดลงมีสัดส่วน 70% ภายใน 5 ปี
“เราเก่งและเติบโตมากับการผลิต และวิจัยเป็นหลัก หน้าที่ของเราที่จะผลักดันคือการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ในประเทศไทยให้เป็นยา และสมุนไพรส่งออก ขณะเดียวกันในประเทศ ฐานรายได้ สำคัญ ยังคงมาจากการรับจ้างผลิต อาหารเสริม”
“บริษัทแบ่งพอร์ตเป็นกองทัพการผลิตยาสมุนไพรในสัตว์และในคน คาดว่าจะเติบโตไปเรื่อยๆ โดยโปรเจคที่เปลี่ยนแปลงที่สุดคือกัญชา ที่ตลาดจะเติบโตมหาศาลเมื่อถูกกฎหมาย”
Template file :: download-button does not exist!