เพราะตระหนักว่าการให้สามารถสร้างสุขและอนาคตให้ผู้อื่นไม่รู้จบ ผู้บริหารใจบุญ กมลรัตน์ เอี่ยมธาราชัย รองผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต และ อัมพร โชติรัชสกุล กรรมการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการและเทคโนโลยีธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย จึงสานต่อแคมเปญการกุศล “แบ่งปันความสุขได้ทุกวัน” นำผู้บริหารและทีมงาน ร่วมกิจกรรมเดินสายเยี่ยมเยียนแบ่งปันความสุขให้กับน้องๆ ทั้ง 3 องค์กรการกุศล ภายใน 1 วัน เรียกว่าบุญและสุขใจกันเต็มที่
กมลรัตน์ เอี่ยมธาราชัยเผยถึงโครงการความร่วมมือกับ 3 องค์กรการกุศล ว่าสำหรับแคมเปญนี้เปิดโอกาสให้สมาชิกบัตรเครดิตซิตี้แบงก์สามารถร่วมทำบุญกับแคมเปญนี้ได้ง่ายๆ เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตามเงื่อนไขโดยซิตี้แบงก์ จะบริจาคเงินคืนสู่สังคม ด้วยการมอบ 5% ของมูลค่ารีวอร์ด พ้อยท์ของ สมาชิกบัตรฯ จากการใช้จ่ายใน 3 หมวด
ได้แก่ หมวดร้านอาหาร สมทบทุนโครงการอาหารเช้าเพื่อน้องมูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจนซี.ซี.เอฟ.ฯ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, หมวดรักษาพยาบาล สมทบทุนโครงการพัฒนาอาคารและจัดหาเครื่องมือแพทย์เพื่อผู้ป่วยยากไร้ มูลนิธิรามาธิบดีและ หมวดการศึกษา สมทบทุนโครงการทุนพระราชทานช่วยเหลือการศึกษายากจนในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ
โดย สิทธิศักดิ์ อมรศักดิ์ ผู้พิการ แขนซ้าย นักเรียนทุนสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ที่ได้รับทุนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 2 ปัจจุบันกำลังศึกษาชั้นปี 5 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ดุริยางค์สากล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เผยความรู้สึกที่ได้รับทุนจากสภาสงเคราะห์ฯ มาเป็นระยะเวลาถึง 16 ปี ว่าโชคดีกว่าเด็กหลายๆ คน ที่ได้เงินของแผ่นดินเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี
“แต่ละปีทุนการศึกษาที่ได้รับสามารถรองรับค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งจะนำไปจ่ายค่าลงทะเบียน ซื้ออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน นอกจากนี้เพื่อเป็นการหารายได้เพิ่มเติม ตอนเรียนปริญญาตรีมีความรู้เรื่องดนตรีพอสมควร ก็จะไปรับสอนพิเศษ ช่วง เสาร์-อาทิตย์ และทำงานรับจ้างที่พอทำได้ อย่างเป็นเด็กปั๊ม เป็นยาม แจกใบปลิว เป็นต้น ที่ผ่านมาผมไม่เคยย่อท้อ เพราะมีเป้าหมายคือ ต้องเรียนหนังสือให้จบปริญญาตรีที่จะทำให้มีงานที่มั่นคง ในอนาคตตั้งใจจะทำงานข้าราชการครูเพื่อตอบแทนแผ่นดินให้ได้” สิทธิศักดิ์ กล่าว
ส่วน ศิริวัฒนา สุ่นจันทร์ ครูเอกชน ผู้ป่วย มะเร็งเต้านม ระยะ 3 ซึ่งได้รับรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี บอกเล่าถึงกำลังใจที่ได้รับเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายว่า ทันที่ที่รู้ว่าเป็นมะเร็งน้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว พอกลับไปทำงานสอนหนังสือเสร็จเดินไปเข้าห้องน้ำร้องไห้ทุกวัน เป็นแบบนี้อยู่หนึ่งสัปดาห์ถึงทำใจได้ว่าเราต้องสู้ เพราะถ้าเราไม่ช่วยเหลือตัวเองใครก็ช่วยเราไม่ได้ ที่สำคัญเพื่อนรอบข้างก็ให้กำลังใจมากจนกลับใจมาต่อสู้กับโรคอีกครั้ง อย่าคิดว่าเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ เพราะถ้าเราสู้ กำลังใจเราดี ย่อมต้องผ่านพ้นโรคภัยไปจนได้