ประกาศมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เรื่อง นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. 2566
โดยที่เป็นการสมควรให้มีประกาศกำหนดนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้บุคลากรนักศึกษา นักเรียนในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญรี ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและสาธารณชนรับทราบและเข้าใจถึงแนวทางการจัดการและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้การบริหารราชการและการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เป็นไปตามนโยบายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการและเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๗(๒) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. ๒๕๖๖ แนบท้ายประกาศนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดูประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
เมื่อคุณเข้าชมเว็บเว็บไซต์ใดก็ตาม เว็บไซต์นั้นอาจจัดเก็บหรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณ ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในรูปแบบของคุกกี้ ข้อมูลนี้อาจเกี่ยวกับคุณ การตั้งค่าของคุณ อุปกรณ์ของคุณ หรือเพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานอย่างที่คุณต้องการ ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของคุณได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บตามความต้องการส่วนบุคคลได้มากยิ่งขึ้น คุณสามารถปฏิเสธไม่ให้คุกกี้บางประเภททำงานได้ คลิกที่หัวข้อประเภทอื่นๆ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและเปลี่ยนการตั้งค่าเริ่มต้นของเรา อย่างไรก็ตาม คุณควรทราบว่าการบล็อกคุกกี้บางประเภทอาจส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์และบริการที่เรามีให้ใช้งาน
คุกกี้เหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานกับเว็บเว็บไซต์ และไม่สามารถปิดการใช้งานในระบบของเราได้ ...
และโดยปกติแล้ว คุกกี้เหล่านี้จะถูกกำหนดไว้เพื่อตอบสนองต่อการดำเนินการร้องขอบริการของคุณ เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว การเข้าสู่ระบบ หรือการกรอกแบบฟอร์ม คุณสามารถกำหนดให้เบราว์เซอร์ของคุณทำการบล็อก หรือเตือนให้คุณทราบเกี่ยวกับคุกกี้เหล่านี้ แต่นั่นอาจทำให้บางส่วนของเว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้
.
No cookies to display.
คุุกกี้เหล่านี้ช่วยให้เราสามารถนับการเข้าชมและแหล่งที่มาของการเข้าชม...
เพื่อให้เราสามารถวัดและปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของเราได้ พวกเขาช่วยให้เราทราบว่าหน้าใดเป็นที่นิยมมากที่สุดและน้อยที่สุด และดูว่าผู้เยี่ยมชมย้ายไปรอบ ๆ เว็บไซต์อย่างไร ข้อมูลทั้งหมดที่คุกกี้เหล่านี้รวบรวมจะถูกรวบรวมและไม่ระบุชื่อ หากคุณไม่อนุญาตคุกกี้เหล่านี้ เราจะไม่ทราบว่าคุณได้เยี่ยมชมเว็บเว็บไซต์ของเราเมื่อใด และจะไม่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของคุกกี้ได้
คุกกี้เหล่านี้ช่วยในการทำงานของเว็บไซต์และการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับผู้ใช้...
เช่น วิดีโอและการสนทนาสด คุกกี้เหล่านั้นอาจได้รับการกำหนดโดยเราหรือผู้ให้บริการจากบริษัทอื่นที่เราได้เพิ่มบริการของพวกเขาลงในหน้าเพจ หากคุณไม่อนุญาตให้คุกกี้เหล่านี้ทำงาน ฟังก์ชันบางอย่างของเว็บไซต์อาจทำงานไม่ถูกต้อง
Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.
No cookies to display.
ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 29 มี.ค. 2565
ผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่มีความเสื่อมถอยของสภาพร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักพบปัญหาเรื่องการทรงตัวและการเคลื่อนไหวที่ไม่มั่นคงจากการเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก สายตาพร่ามัว อาการหูตึง ดวงตาฝ้าฟาง เดินไม่สะดวก บางรายเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง เป็นผู้สูงอายุนอนติดเตียงหรือผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้สูงอายุบางรายอยู่ตามลำพังไม่มีญาติหรือครอบครัวดูแล ครอบครัวต้องออกจากบ้านเพื่อประกอบอาชีพ ทำให้การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพใช้ชีวิตประจำวันอย่างยากลำบาก ก่อให้เกิดสภาพความเครียด เนื่องจากไม่มีคนที่คอยดูแลหรือคนที่สามารถพูดคุยได้
โจทย์ปัญหาเหล่านี้กำลังค่อยๆ ขยายเพิ่มขึ้น พร้อมกับตัวเลขรายงานที่ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 14 ล้านคน คนพิการ 2 ล้านคน และคนพิการที่ไม่ได้ลงทะเบียนอีก 2 ล้านคน เมื่อรวมผู้สูงอายุ คนพิการ คนที่กำลังตั้งครรภ์เกือบ 20 ล้านคน ในปี 2576 ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้สูงอายุระดับสุดยอดคือ 28% หรือเท่ากับจำนวนผู้สูงอายุที่ประเทศญี่ปุ่นมีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนั้นที่สำคัญคือ เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนแล้ว ประเทศไทยจะกลายเป็นแชมป์มีผู้สูงอายุจำนวนสูสีกับประเทศสิงคโปร์
จากข้อเท็จจริงเหล่านี้ ทำให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลสุขภาวะของผู้สูงวัย มองหาทางเลือกทางออกที่จะบริหารจัดการกับอนาคตของโลกผู้สูงวัย ซึ่ง “อารยสถาปัตย์” (Universal Design) คือคำตอบ เพราะเป็นแนวคิดการออกแบบที่เป็นธรรม เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับบริการสาธารณะ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เอื้อประโยชน์กับผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้เจ็บป่วย หรือผู้ที่มีความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันแตกต่างจากบุคคลทั่วไปด้วยข้อจำกัดต่างๆ ให้ได้มากที่สุด
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่เข้าใจ เข้าถึงโจทย์ปัญหาการสร้างเสริมสุขภาวะของโลกผู้สูงวัยในอนาคตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สสส.ได้ร่วมกับเครือข่ายศูนย์ออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน จัดงานประชุมวิชาการระดับชาติด้านการออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) ครั้งที่ 1 The First National Academic Conference on Universal Design: 1st NACUD2022 รูปแบบการจัดงานแบบ Hybrid ภายใต้หัวข้อ “Inclusive Environment : A New Normal Life” รวบรวมและถ่ายทอดองค์ความรู้นวัตกรรม ด้านการปรับสภาพแวดล้อม เพื่อผลักดันนโยบายให้ผู้สูงอายุและคนพิการให้มีสุขภาวะที่ดี ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ห้อง 201 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565
การประชุมดังกล่าวมีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 12 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ (UDC) หรือเครือข่ายศูนย์ออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคนเข้าร่วม ตั้งแต่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ศรีวิชัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยนครพนม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิวิทยาเขตนนทบุรีจับคู่กันทำงาน
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 (สสส.) และรองประธานกรรมการกำกับทิศทางการจัดปรับสภาพแวดล้อมและระบบขนส่งสาธารณะ กล่าวเปิดงานผ่านทาง Zoom ว่า สสส.ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขับเคลื่อนและผลักดันโครงการเครือข่ายศูนย์ออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน จนเกิดเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ สะท้อนให้เห็นว่าภาคีเครือข่ายทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน ให้ความสนใจต่อสิทธิความเป็นอยู่ในชีวิตของคนพิการและผู้สูงอายุ เพราะอยู่ในกลุ่มเปราะบางที่ต้องเผชิญความยากลำบากในชีวิตประจำวัน เช่น การเข้าถึงบริการสาธารณะ ที่ยังขาดแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย เพื่อทำให้คนกลุ่มนี้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีศักดิ์ศรี
นพ.อนุชากล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 2.09 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 3.21 ของประชากรทั้งประเทศ และในปี 2565 เมืองไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) เพราะจะมีผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศประมาณ 66.19 ล้านคน และอีก 12 ปีข้างหน้า ผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มเป็นร้อยละ 28 ของประชากรทั้งประเทศ ทำให้ สสส.และภาคีเครือข่ายคำนึงถึงการออกแบบที่เป็นธรรม เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับบริการสาธารณะ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เอื้อประโยชน์กับชีวิตประจำวันของกลุ่มเปราะบางให้มากที่สุด
ในขณะที่ รศ.ไตรรัตน์ จารุทัศน์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน กล่าวรายงานว่า วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำรวจข้อมูลปี 2559 พบว่าประเทศไทยมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะสมสำหรับ ผู้สูงอายุและคนพิการ ได้แก่ โรงพยาบาล คิดเป็น 40%, สำนักเขต คิดเป็น 30.8%, ห้างสรรพสินค้า คิดเป็น 12.5%, บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม คิดเป็น 7.3% ของประเทศ และยังมีพื้นที่ที่ต้องเร่งผลักดันให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ ตลาดสด ศูนย์บริการสาธารณสุข สวนสาธารณะ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ ศาสนสถาน และห้องสมุด เพราะการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล หรือ Universal Design (UD) ถือเป็นการยกระดับสุขภาวะของประชากรกลุ่มเปราะบาง หลักสำคัญของการออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อคนทั้งมวล มีความเป็นสากลและเป็นธรรม ไม่เพียงแต่ครอบคลุมกลุ่มประชากรเปราะบาง แต่ยังครอบคลุมคนทุกคน
ส่วน ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า สหประชาชาติมีนโยบายให้สังคมโลกเป็นสังคมสำหรับทุกคน มีสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อทุกคน โดยเฉพาะคนพิการที่ต้องใช้ Wheel Chair มีทางลาดเพื่อสะดวกในการเข้าประชุมร่วมกิจกรรมเหมือนคนทั่วไป คนตาบอดมีอุปกรณ์เตือนเพื่อเลี่ยงเส้นทางที่มีต้นไม้ หลุมบ่อ การสื่อสารกับคนหูหนวกมีล่ามภาษามือสื่อสาร
คนพิการในเมืองไทย พิการการมองเห็น คนหูหนวก พิการทางสติปัญญา ต้องใช้การสื่อสารให้รับรู้ข้อมูลได้เท่าๆ กับคนปกติ คนที่เรียนล่ามภาษามือต้องใช้เวลาเรียนถึง 5 ปี ค่าจ้างล่ามภาษามือค่อนข้างแพง จึงต้องใช้เมื่อจำเป็น หรือการใช้ล่ามภาษามือผ่านทางอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะช่วยประหยัดค่าจ้างล่ามได้ ขณะนี้มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการดูแล การที่คนหูหนวกไปเที่ยวป่าเขาจะพาล่าม ไปด้วยเป็นเรื่องลำบาก บนป่าเขามีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ใช้ไอแพด โทรศัพท์มือถือสื่อสารให้ล่ามช่วยพูดคุยกับคนหูดีถามเส้นทาง ขณะนี้ สวทช. (NECTEC) ทุ่มเททำงานวิจัยเทคโนโลยีบริหารล่ามภาษามือ มี
คุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สมัยก่อนต้องเช่าจากต่างประเทศในสนนราคาที่แพงมาก แต่ปัจจุบันเราเช่าจาก สวทช. ถูกกว่าการเช่าจากต่างประเทศ ส่งผลให้นวัตกรรมในเมืองไทยมีการพัฒนาเดินหน้าไปได้อย่างดียิ่ง
นอกจากการประชุมด้านวิชาการแล้ว ภายในงานยังมีการมอบรางวัลบทความดีเด่น บุคคลต้นแบบ องค์กรต้นแบบ Universal Design presented by TOTO โดย นายทาคายะสุ ชิมาดะ ประธานบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งองค์กรต้นแบบที่ได้รับรางวัล ประกอบด้วย กรมส่งเสริมและพัฒนาทรัพย์สินมีค่าของรัฐ กรมธนารักษ์, เทศบาลนครรังสิต, เทศบาลนครหนองตองพัฒนา เชียงใหม่, ชมรมเพื่อคนพิการ จ.เลย, องค์การบริหารส่วนตำบลนาชุมเห็ด
ประเภทรางวัลบุคคลต้นแบบ นายกฤษณะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล, นายกรกิจ พวงมาลี ผู้ประสานงานชุมชน กทม., นายมานพ ตันสุภายนต์ ประธานชมรมผู้สูงอายุเทศบาลหนองตองพัฒนา เชียงใหม่, รศ.ดร.พญ.สิรินาถ ตงศิริ รองคณบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม, นายจำเนียร มานะกล้า สาธารณสุข จ.ตรัง.
มาตรฐานญี่ปุ่นออกแบบห้องน้ำใช้ได้นาน 15-30 ปี
นายทาคายะสุ ชิมาดะ ประธานบริษัท โตโต้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อเรื่อง “The Revolution of Universal Design Restroom” วิวัฒนาการออกแบบห้องน้ำเพื่อ ทุกคนว่า ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจสร้างสังคมไทยสำหรับทุกคน ด้วยเป้าหมายให้ทุกคนออกไปใช้ชีวิตข้างนอกบ้านได้อย่างสะดวกกายสบายใจ มุ่งหวังให้ธุรกิจท่องเที่ยวมีชีวิตชีวา ยกระดับสังคมไทยสร้างเสริมความตระหนักรู้ในการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล ด้วยการสนับสนุนงานวิจัย Universal design 30 ปี การออกแบบห้องน้ำขึ้นอยู่กับสังคม กฎหมาย วัฒนธรรมของแต่ละประเทศ แต่ขณะเดียวกันยึดหลักสถิรศาสตร์ทำให้ทั่วโลกมี
ความใกล้เคียงกัน ดังนั้นการออกแบบเป็นไปตามมาตรฐานสากล ห้องน้ำมีความเป็นอเนกประสงค์มากขึ้น ทั้งความสูงของเครื่องสุขภัณฑ์ ราวจับ ทุกอย่างถูกสุขอนามัย การใช้รถเข็นเข้าไปในห้องน้ำได้อย่างสะดวกสบาย ผู้ที่มีถุงทวารเทียมผ่านทางหน้าท้องก็ใช้ห้องน้ำได้สะดวกมากขึ้น การออกแบบยังคำนึงถึงผู้พิการผู้สูงอายุที่ไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง การเดินทางไปสนามบิน ศูนย์การค้า สถานที่ต่างๆ ด้วยแนวคิดมาตรฐานญี่ปุ่น การทำห้องน้ำอเนกประสงค์ เป็นการออกแบบเพื่อใช้ห้องน้ำได้นาน 15-30 ปี เพราะถ้าออกแบบห้องน้ำไม่เหมาะสมก็ต้องทนใช้นานถึง 30 ปี ก๊อกน้ำ สุขภัณฑ์อัตโนมัติ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกสุขอนามัย.