เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ม.ค. 2565
น.ส.สมคิด อุ่นแก้ว ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรสบปราบ จำกัด เล่าว่า ในพื้นที่อำเภอสบปราบ มีการปลูกสับปะรดและมะนาวจำนวนมาก ซึ่งในช่วงที่ราคาตกต่ำทำให้มีสินค้าล้นตลาด จึงอยากแก้ปัญหาดังกล่าว โดยมีโอกาสเข้าร่วมคลัสเตอร์สมุนไพร และได้รับคำปรึกษาและข้อคำแนะนำจาก ผศ.ดร.กรวินท์วิชญ์ บุญพิสุทธินันท์ นักวิจัยและอาจารย์ คณะการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) ซึ่งได้นำศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยมาประยุกต์ร่วมกับการวิจัยในห้องปฏิบัติการขั้นสูง เพื่อการพัฒนาสินค้าเกษตรของทางกลุ่ม โดยทำการสกัดสารสกัดจาก
มะนาวและสับปะรด และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ประกอบด้วย เซรั่ม 30 มิลลิลิตร ราคา 250 บาท โทนเนอร์ ขนาด 100 มิลลิลิตร ราคา 250 บาท โลชั่น ขนาด 200 มิลลิลิตร ราคา 250 บาท และสบู่ ราคา 70 บาท วางจำหน่าย นอกเหนือจากสินค้าเกษตรของทางกลุ่ม เป็นการสร้างรายได้และช่วยระบายสินค้าให้เกษตรกรอีกช่องทางหนึ่ง
ผศ.ดร.กรวินท์วิชญ์ บอกว่า ได้ทำการศึกษาวิจัยสับปะรดและมะนาวของทางกลุ่มเกษตรกร โดยทำการสกัดแยกน้ำ และเปลือก และนำไปสกัดต่อด้วยกระบวนการที่เหมาะสม ซึ่งพบว่า สารสกัดมีสารกลุ่มไกลโคไซต์ แชนโทน ดูมาริน เทอร์ฟีนอยด์ และชาโปนิน เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น ดีกว่าวิตามินซีถึง 40 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่า สารสกัดมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรชิเนส ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในกระบวนการการสังเคราะห์เม็ดสีเมลามิน ของผิวหนัง ซึ่งดีกว่ากรดโคจิก ประมาณ 6 เท่า และยังสามารถ
ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินในเซลล์เมลาโนไซต์ และมีกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในเซลล์ผิวหนังมนุษย์ได้ดีอีกด้วย จากการศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของสารสกัดสับปะรดและมะนาว สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงผิว โดยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ช่วยทำให้ผิวขาว กระจ่างใส ชะลอวัย และเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิวได้อีกด้วย
สนใจผลิตภัณฑ์จากสารสกัดมะนาวและสับปะรด สหกรณ์การเกษตรสบปราบ จำกัด สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณสมคิด โทร.08-9951-5323 หรือทาง เฟซบุ๊กแฟนเพจ : สหกรณ์การเกษตรสบปราบ จำกัด.