สยามรัฐ ฉบับวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2563
“หากเทคโนโลยีนี้มีการนำมาใช้จริงผมเชื่อว่าทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมากว่า 200,000 ล้านบาท จากการเป็นเจ้าของเทคโนโลยีของประเทศ สำหรับการใช้งาน 20 ล้านหลังคาเรือน และในภูมิภาค รวมถึงการมีตลาดส่งออกในภูมิภาคที่อิงมาตรฐานไฟฟ้าจากประเทศไทย สร้าง GDP ต่อปีได้มากกว่า 1%”
นักวิจัย มทร.ธัญบุรี รองศาสตราจารย์ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดีมทร.ธัญบุรีและอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.ธัญบุรี เล่าถึงงานวิจัยชิ้นล่าสุด”การสร้างแพลตฟอร์มบ้านปราชญ์เปรื่องด้วยปัญญาประดิษฐ์”ได้รับทุนวิจัยจากโครงการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนจากเงินกองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ในหัวข้อวิจัยเรื่อง “บ้านไร้เบรกเกอร์ 4.0 ปฏิวัติอุตสาหกรรมการใช้ไฟฟ้าและการป้องกันภัย”
รศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ เผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 (COVID-19) ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยต้องถดถอยอยู่ในขณะนี้ ทีมนักวิจัยเชื่อว่าหากประเทศต้องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตใหม่ได้อีกครั้ง จำเป็นต้องDisruptงานที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดขึ้น เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจำเป็นที่จะต้องมองเทคโนโลยีให้ก้าวล้ำไปข้างหน้าที่เป็นอนาคต เช่น การทำไมโครกริดอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีบ้านไร้เบรกเกอร์เพื่อการจัดการภารกิจในชีวิตด้วยเครื่องมือสื่อสาร สร้างเสริมคุณภาพชีวิตของคนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงเหมาะสมและปลอดภัย และต่อยอดด้วยการสนับสนุนให้เกิดงานวิจัยพัฒนาแอพในกลุ่ม Smart City ได้หลากหลายเป็นการนำทุนของประเทศที่มีศักยภาพมาใช้ประโยชน์อย่างบูรณาการและเกื้อกูลกันสามารถสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กรของรัฐคือ การให้การส่งเสริม การปรับปรุงบ้านด้วยตู้รวมไฟฟ้าดิจิทัลหาก ทำด้วยการสนับสนุนเงินทุนจากภาครัฐสร้างงานให้กับประเทศมากกว่า60,000 ตำแหน่ง
จากการประเมินความสามารถในการทำงานต่อวันได้3หลังคาเรือนต่อช่างไฟฟ้า1ทีม3คน ด้วยปริมาณที่อยู่อาศัยที่มีอยู่20ล้านหลังคาเรือน ไม่เพียงแต่ประเทศจะมีเทคโนโลยีการป้องกันไฟฟ้าที่จะพลิกรูปแบบการป้องกันและจัดการไฟฟ้าเหมือนเทคโนโลยีมือถือที่พลิกชีวิตการใช้โทรศัพท์แล้วยังส่งผลให้เยาวชนและสถาบันการศึกษา เกิดการพัฒนาแอพตามจินตนาการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองตลาดในภูมิภาคบนHome Store กระตุ้นให้เกิดการคิดค้นSensorใหม่ๆ เพื่อสนองตอบคุณภาพชีวิตใหม่ๆ เกิดองค์ความรู้ใหม่ เกิดหลักสูตรใหม่ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาบุคลากร
เปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้าไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น พัฒนาทักษะให้คนมีการเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต ต่อยอดสู่การสร้างนวัตกรรมที่เกิดจากการฝึกฝนเป็นความคิดสร้างสรรค์ จากระบบนิเวศของ”Self-Thinking Home”บนHoME@Cloud Platformที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาและประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำรงชีวิตทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจและสังคม
สำหรับการสร้างแพลตฟอร์มบ้านปราชญ์เปรื่องด้วยปัญญาประดิษฐ์ เป็นนวัตกรรมที่หลอมรวมศาสตร์ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Electrical and ICT Convergence)ด้วยการจัดการไฟฟ้าภายในบ้านด้วยสมองกลแทนตู้รวมไฟฟ้าแบบเก่า เป็นแพลตฟอร์ตHoME@Cloudที่มีตู้รวมไฟฟ้าดิจิทัลของเทคโนโลยีบ้านไร้เบรกเกอร์พร้อมด้วยความสามารถเป็นGatewayเชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านไปเก็บไว้บน Cloud และมี Application แบบ Cross Platform ที่ให้ผู้ใช้สามารถบริหารจัดการเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ในบ้านได้ผ่านมือถือหรือWeb Application รวมทั้งยังมี API เพื่อให้นักนวัตกรไทยรุ่นใหม่ (New Talent Innovator) สามารถใช้จินตนาการสร้างบริการใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ระบบบ้านไร้เบรกเกอร์นี้
รศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ เพิ่มเติมว่า ระบบHoME@Cloud Platformของบ้านไร้เบรกเกอร์ เป็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับแนวทางของDEPAที่กำลังขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะอยู่ในขณะนี้ เพียงผู้ใช้ไฟฟ้าทุกบ้านในเขตที่กำหนดติดตั้งระบบบ้านไร้เบรกเกอร์นี้ ทำให้พื้นที่นั้นสามารถพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะได้ทันที ซึ่งในโครงการนี้จะนำมาใช้ในพื้นที่เมืองอัจฉริยะมหาไถ่เป็นPlatformเมืองที่คาดว่าจะทดลองใช้กับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า50หลังคาเรือนภายในสิ้นปี2563