กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563
กรุงเทพธุรกิจ
ปัจจุบันกระแสความนิยมของคนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญ เรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น การพัฒนาธุรกิจให้อยู่รอดและอยู่ได้ในยุคนี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่คุณภาพและราคา เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความพยายามในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่มี การขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง หลายบริษัทพยายามยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ ของตัวเองให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
ดร.ประชุม คำพุฒ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา หัวหน้าหน่วยวิจัยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กล่าว่า ปัจจุบันปัญหาขยะพลาสติกเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย จึงร่วมมือกับบริษัท อริยะสุทธิ อินเตอร์เทรด จำกัด ทำวิจัยในโครงการใช้พลาสติกอีวีเอสำหรับการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์คอนกรีตน้ำหนักเบา โดยได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ เสริมสร้างงานวิจัยภาคอุตสาหกรรม (SuRF) ในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อช่วย แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้วยังได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สามารถจำหน่ายได้ในเชิงพาณิชย์
ธวัชชัย อริยะสุทธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อริยะสุทธิ อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า บริษัทอริยะสุทธิ อินเตอร์เทรด จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับคอนกรีตบล็อก โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบมวลรวมน้ำหนักเบา ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ แต่ผลกำไรที่ได้ก็ต่ำตามไปด้วย โดยมี ผลกำไรต่อก้อนอยู่ที่ 50 สตางค์ถึง 1 บาทเท่านั้น จึงไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ จึงคิดสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้บริษัทสามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นอย่างอิฐมวลเบา เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีเดิมที่บริษัทมีอยู่มาพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมให้มีมูลค่าสูงขึ้น จึงร่วมทำวิจัยกับ อาจารย์ประชุม คำพุฒ เพื่อสร้างคอนกรีตบล็อกน้ำหนักเบา ที่ใช้วัตถุดิบเหลือใช้ในอุตสาหกรรมอื่นมาเป็นวัตถุดิบ”
สำหรับคอนกรีตน้ำหนักเบาที่บริษัทคิดพัฒนาขึ้นมาใหม่นั้นจะมีการนำขยะพลาสติกประเภทอีวีเอที่มีสีขาวล้วน และเป็นของเหลือใช้จากอุตสาหกรรมรองเท้าฟองน้ำ มาเป็นมวลรวมน้ำหนักเบาทดแทน มวลรวมปกติ และใช้เศษหินฝุ่นจากเหมืองดินขาวมาทดแทนหินฝุ่นจากเหมืองหินปูน ในอัตราส่วนที่เหมาะสม จากนั้นผสม ขึ้นรูปเป็นคอนกรีตบล็อกมวลเบาสีขาวที่มีขนาดเท่ากับอิฐมวลเบาในท้องตลาด จนได้เป็นอิฐบล็อกมวลเบาที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม ต้นทุนต่ำ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.58-2533 และสามารถจำหน่ายในเชิงพาณิชย์
ธวัชชัย กล่าวต่อว่าเหตุผลที่ต้องนำพลาสติกอีวีเอมาใช้เป็นส่วนผสมใน การทำคอนกรีตน้ำหนักเบา เพราะพลาสติกอีวีเอนอกจากจะมีน้ำหนักที่เบาแล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นฉนวนส่งผลให้ตัวคอนกรีตบล็อกมีน้ำหนักลดลง สามารถป้องกันความร้อนและป้องกันเสียงได้ดีขึ้น อีกทั้งมีความคงทนต่อ แรงกระแทกมากขึ้น
ซึ่งผลจากการทดสอบการตกจาก ที่สูงมากกว่า 2 เมตร พบว่าคอนกรีต น้ำหนักเบาจากพลาสติกอีวีเอไม่เกิด การแตกหักเหมือนอิฐมวลเบาทั่วไป ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยลดมูลค่า ความเสียหายในระหว่างการขนส่งและ การก่อสร้างได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ดีขึ้นคือคอนกรีตบล็อกตัวนี้มีความเป็นฉนวน ที่ดี และคลายความร้อนได้เร็วกว่า อิฐมวลเบาทั่วไป ถ้าเปรียบเทียบกับ อิฐมวลเบาทั่วไปที่ใช้ในการสร้างบ้าน กว่าอิฐจะคลายความร้อนออกหมดก็เกือบ 4 ทุ่ม แต่คอนกรีตบล็อกตัวนี้จะคลายความร้อนหมดประมาณ 2-3 ทุ่ม ทำให้ห้องเย็นเร็วกว่าและประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย” ธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามผลจากการทำวิจัย ร่วมในครั้งนี้ทำให้บริษัท อริยะสุทธิ อินเตอร์เทรด ได้ผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ ที่สามารถยกระดับตนเองเข้าไปแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นอย่างตลาดของอิฐมวลเบาได้ ทั้งยังเพิ่มอัตราส่วนกำไรต่อก้อนจากเดิม 0.5-1 บาทต่อก้อน มาเป็น 8-10 บาทต่อก้อน
ที่สำคัญคือยังช่วยแก้ปัญหาเรื่อง การจัดการขยะพลาสติกซึ่งถือเป็น การดูแลสิ่งแวดล้อมในอีกทางหนึ่ง โดยปัจจุบันคอนกรีตบล็อกน้ำหนักเบาเริ่มมีการวางขายในท้องตลาดแล้ว โดยกลุ่มลูกค้ารายใหญ่คือกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรร และร้านวัสดุก่อสร้างในจังหวัดปทุมธานี เมื่อถามถึงจุดดีในการทำงานระหว่าง ผู้ประกอบการและนักวิจัย ธวัชชัยบอกว่า การทำงานร่วมกับนักวิชาการทำให้บริษัทสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่จนสามารถก้าวนำคู่แข่งในตลาดเดียวกันได้แล้วและผลิตภัณฑ์ที่ได้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งตอบโจทย์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ได้เป็นอย่างดี