แนวหน้า ฉบับวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2562
กลุ่มบริษัทบีทีเอส ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ศูนย์การแพทย์อาร์ เอส ยู เฮลท์แคร์ โรงพยาบาล วิภาวดี โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลเจ้าพระยา อภัยภูเบศร โรงพยาบาลไทยนครินทร์ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) โรงพยาบาลมนารมย์ และวิสาหกิจสุขภาพชุมชน รวม 11 หน่วยงาน จัดงาน “คลินิกลอยฟ้าปีที่ 17” ที่สถานีบีทีเอสปากน้ำ โดยให้ประชาชนตรวจโรคฟรีทั้ง โรคตา มะเร็ง เบาหวาน หัวใจ ฟัน กระดูกและข้อ ฯลฯ เป็นเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อช่วย พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน และส่งเสริมให้ประชาชนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส
ทั้งนี้ หลังจากพิธีเปิดงานโดย ดร.อาณัติ อาภาภิรม ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท และคณะผู้บริหารโรงพยาบาล ทั้ง 11 หน่วยงาน แล้ว ได้มีการจัดเสวนาเรื่องสมุนไพรไทย ในหัวข้อ “มหัศจรรย์..สมุนไพรไทย” จากเภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ภญ.วัจนา ตั้งความเพียร และ บัณฑูร นิยมาภา (ลุงตู้) มาให้ความรู้ เรื่องการใช้สมุนไพรรักษาโรคอย่างปลอดภัย และถูกวิธี
ในช่วงเสวนา ภญ.วัจนา ตั้งความเพียรได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับสมุนไพรว่า “สมุนไพรไทย เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เป็นการเอาความมหัศจรรย์ของธรรมชาติมาใช้ในการดูแลสุขภาพตนเอง ทั้งให้ คุณประโยชน์ ช่วยรักษา และบำบัด อาการเจ็บไข้ ได้ป่วยของชาวบ้านมายาวนาน แต่ต้องใช้ให้ถูกหลัก และถูกวิธี โดยเฉพาะปัจจุบันนี้การวิจัยพัฒนา ค้นพบความมหัศจรรย์ของพืชที่มีสรรพคุณดูแล สุขภาพได้ไม่น้อยไปกว่ายาแผนปัจจุบันเลย หรือว่า บางตัวอาจจะดีกว่าในแง่ที่ใช้แล้วได้ผลเร็วและไม่มีอาการข้างเคียง การจะเลือกใช้ยาสมุนไพร คือ ต้องดูธาตุของแต่ละคน อาการในแต่ละช่วงเวลานั้น ช่วงฤดูนั้น หรือ ช่วงวัยนั้น เพราะว่าในตำราแพทย์ แผนไทย วัยที่ต่างกัน หรือว่าเกิดในช่วงฤดูที่ต่างกัน ก็จะมีการดูแล การเตรียมยาที่ไม่เหมือนกัน”
โดย ภญ.วัจนา ตั้งความเพียร ได้ยกตัวอย่าง พืชสมุนไพรพื้นบ้าน ต้นกระดูกไก่ดำ ซึ่งมีสรรพคุณ แก้ปวดเมื่อย หรือฟกช้ำดำเขียว โดยไม่ต้องผสม ตัวยาอะไรทั้งสิ้น แค่นำใบมาตำ แล้วพอกบริเวณ ที่ปวดเมื่อยก็จะดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้แนะนำ มะขามป้อม ซึ่งเปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะของ คนไทย เพราะมีสรรพคุณตามตำราสมุนไพรไทย ที่มีรสเปรี้ยวช่วยขับเสมหะ และยังเป็นน้ำผลไม้ ที่มีซุปเปอร์แอนตี้ออกซิแดนซ์ ตัวหนึ่ง สามารถ กินได้เรื่อยๆ ช่วยบำรุงตับ ถ้ากินสดจะมีวิตามินซีสูง มาก ถือว่าเป็นผลไม้ซุปเปอร์ฟรุ๊ตตัวหนึ่งที่ทานเป็นประจำจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
“การใช้ยาทุกชนิด ไม่ว่าจากแพทย์แผนไทย หรือแผนปัจจุบัน เวลาเราเลือกใช้ต้องดูว่า มีประโยชน์หรือมีโทษ มีข้อห้ามอย่างไรในการใช้ บางคนมองสมุนไพรเป็นผู้ร้ายก็มี เพราะว่าเราอาจจะ ใช้ผิด ใช้ไม่ถูกส่วน ไม่ถูกชนิด หรือว่าใช้ไม่ถูกกับอาการ ซึ่งผู้บริโภคสมัยใหม่จำเป็นต้องมีความรู้ ที่ถูกต้อง เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับร่างกาย และใช้อย่างถูกวิธีก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเราเอง” ภญ.วัจนา ตั้งความเพียร กล่าวปิดท้าย
บัณฑูร นิยมาภา (เครือข่ายผู้ใช้กัญชา ทางการแพทย์) กล่าวถึง สมุนไพรกัญชา ว่า “เราต้องรู้จักกัญชาก่อน เราต้องมีความรู้เรื่อง กัญชาก่อน ทุกคนอาจจะรู้จักกัญชาว่า คือยาเสพติด แต่จริงๆ แล้ว กัญชาสามารถนำมาบำบัดรักษา โรคได้ ปัจจุบันได้มีการรับรองจากต่างประเทศมากมาย ที่กล่าวว่า กัญชาสามารถรักษาโรคมะเร็ง ผมมีหลานป่วยเป็นโรคมะเร็งซึ่งใช้กัญชารักษามา 5 ปี ผมเริ่มศึกษาข้อมูลกัญชา จึงรู้ว่า ในก้านของกัญชาจะมีสาร CBD (Cannabidiol) ระงับเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโต และทำให้เซลล์มะเร็งค่อยๆสลายไป อีกทั้งมีสรรพคุณที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดการอักเสบ บวม ของแผลหรือเนื้องอก ระงับการเกร็งหรือชักกระตุก และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในระบบประสาทได้ ผมไม่ใช่หมอ ทุกคนอาจจะไม่เชื่อ ผมจึงอยากแนะนำว่า ทุกคนที่อยากใช้ กัญชา ควรปรึกษาแพทย์ และต้องอยู่ในความ ดูแลของแพทย์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของ ตัวท่านเอง” บัณฑูรกล่าวสรุปในตอนท้ายของ การเสวนา