เนรมิต ‘สถานีปากน้ำ’ เป็น ‘คลินิกลอยฟ้า’ สานต่อโครงการตรวจสุขภาพฟรี ปีที่ 17
มติชน ฉบับวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562
เพราะอยากให้คนไทยสุขภาพดี และหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น
ไม่นานมานี้ กลุ่มบริษัทบีทีเอส ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ศูนย์การแพทย์อาร์ เอส ยู เฮลท์แคร์ โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัย ภูเบศร โรงพยาบาลไทยนครินทร์ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) โรงพยาบาลมนารมย์ และวิสาหกิจสุขภาพ ชุมชน รวม 11 หน่วยงาน จัดงาน คลินิกลอยฟ้าปีที่ 17 ที่สถานีบีทีเอสปากน้ำ พร้อมให้ประชาชนตรวจโรคฟรี ทั้งโรคตา มะเร็ง เบาหวาน หัวใจ ฟัน กระดูกและข้อ ฯลฯ
โดยมี ดร.อาณัติ อาภาภิรม ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท และคณะผู้บริหารโรงพยาบาลทั้ง 11 หน่วยงาน ร่วมเปิดพิธี
นอกจากนี้ยังมีเสวนาดีๆ หัวข้อ มหัศจรรย์…สมุนไพรไทย โดย ภญ.วัจนา ตั้งความเพียร เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และ บัณฑูร นิยมาภา หรือลุงตู้ เครือข่ายผู้ใช้กัญชาทางการแพทย์ พร้อมให้ความรู้เรื่องการใช้สมุนไพรรักษาโรคอย่างปลอดภัยและถูกวิธี
ภญ.วัจนากล่าวว่า สมุนไพรไทยเป็น สิ่งมหัศจรรย์ เป็นการเอาความมหัศจรรย์ ของธรรมชาติมาใช้ในการดูแลสุขภาพตนเอง ทั้งให้คุณประโยชน์ ช่วยรักษา และบำบัดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของชาวบ้านมายาวนาน แต่ต้องใช้ให้ถูกหลักและถูกวิธี โดยเฉพาะปัจจุบันนี้การวิจัยพัฒนา ค้นพบความมหัศจรรย์ของพืชที่มีสรรพคุณดูแลสุขภาพได้ไม่น้อยไปกว่ายาแผนปัจจุบัน และบางตัวอาจดีกว่าในแง่ที่ใช้แล้วได้ผลเร็ว ไม่มีอาการข้างเคียง
หลักในการใช้ยาสมุนไพรนั้น ภญ.วัจนาแนะนำให้ดูจากธาตุของแต่ละคน ประกอบกับอาการในแต่ละช่วงเวลา ช่วงฤดู หรือ ช่วงวัย เนื่องจากตำราแพทย์แผนไทยระบุว่า ด้วยวัยที่ต่างกัน หรือเกิดในช่วงฤดูที่ต่างกัน ย่อมมีการดูแลและการเตรียมยาที่ไม่เหมือนกัน
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีพืชสมุนไพรพื้นบ้านจำนวนมาก ทั้งยังให้สรรพคุณหลากหลาย ภญ.วัจนาได้ยกตัวอย่าง “ต้นกระดูกไก่ดำ” มีสรรพคุณแก้ปวดเมื่อย หรือฟกช้ำดำเขียว โดยไม่ต้องผสมตัวยาอื่น เพียงนำใบมาตำ แล้วพอกบริเวณที่ปวดเมื่อยก็จะดีขึ้น และ “มะขามป้อม” เปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะของคนไทย เพราะมีสรรพคุณตามตำราสมุนไพรไทยที่มีรสเปรี้ยว ช่วยขับเสมหะ และยังเป็นน้ำผลไม้ที่มีซุปเปอร์แอนตี้ออกซิแดนซ์ตัวหนึ่ง สามารถทานได้เรื่อยๆ ช่วยบำรุงตับ หากทานสดจะมีวิตามินซีสูงมาก
“การใช้ยาทุกชนิด ไม่ว่าจากแพทย์แผนไทย หรือแผนปัจจุบัน เวลาเราเลือกใช้ต้องดูว่ามีประโยชน์ มีโทษ มีข้อห้ามอย่างไรในการใช้ บางคนมองสมุนไพรเป็นผู้ร้ายก็มี เพราะอาจจะใช้ผิด ใช้ไม่ถูกส่วน ไม่ถูกชนิด หรือใช้ไม่ถูกกับอาการ ซึ่งผู้บริโภคสมัยใหม่จำเป็นต้องมีความรู้ที่ถูกต้อง เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับร่างกาย และใช้อย่างถูกวิธีก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเราเอง”
ด้านบัณฑูรกล่าวว่า ทุกคนอาจรู้จัก “กัญชา” ว่าคือยาเสพติด แต่ความจริงแล้วกัญชาสามารถนำมาบำบัดรักษาโรคได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้มีการรับรองจากต่างประเทศมากมายที่กล่าวว่า กัญชาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้จริง
“ผมมีหลานป่วยเป็นโรคมะเร็งซึ่งใช้กัญชารักษามา 5 ปี ผมเริ่มศึกษาข้อมูลกัญชา จึงรู้ว่าในก้านของกัญชาจะมีสาร CBD (Cannabidiol) ระงับเซลล์มะเร็งที่กำลังเติบโต และทำให้เซลล์มะเร็งค่อยๆ สลายไป อีกทั้งมีสรรพคุณที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดการอักเสบ บวม ของแผลหรือเนื้องอก ระงับการเกร็งหรือชักกระตุก และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในระบบประสาทได้
“ผมไม่ใช่หมอ ทุกคนอาจจะไม่เชื่อ ผมจึงอยากแนะนำว่า ทุกท่านที่อยากใช้กัญชา ควรปรึกษาแพทย์ และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของ ตัวท่านเอง” บัณฑูรเน้นย้ำ
นับเป็นงานเดียวที่จบครบเครื่องเรื่องสุขภาพ ทั้งยังสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส อีกด้วย

Template file :: download-button does not exist!