ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562
โลกในยุค 4.0 ที่ทุกอย่างกำลังแปรเปลี่ยนสู่จักรกลอัตโนมัติ วิชาชีพหลายแขนงล้วนปรับตัวเพื่อก้าวทันกับความเป็นดิจิทัล โดยเฉพาะแวดวงสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพื่อให้เท่าทันกับสถานการณ์ตลาดแรงงานและสอดรับกับความต้องการของผู้เรียนมากที่สุด
“เกษตร” หนึ่งในวิชาชีพสำคัญและมีความท้าทายหลายด้าน ทั้งจำนวนผู้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ความเป็นเทคโนโลยี และสื่อสังคมออนไลน์ที่รวดเร็ว เข้าถึงง่าย และกลายเป็นทางเลือกสำคัญในการป้อนความรู้ให้ผู้เรียนอย่างไม่จำกัด
ล่าสุดได้พูดคุยกับนักศึกษา “รั้วบัวสวรรค์” คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ที่สะท้อนความคิดคุณค่าหัวใจคนเกษตรได้อย่างน่าสนใจ
เริ่มต้นคนแรกกับหนุ่มหน้าใส “โอ๊ต” ภูริต กีรติกำจร ชั้นปี 3 สาขาวิชาสัตวศาสตร์ บอกถึงความเป็นเกษตรว่า คนไทยเราโชคดีที่มีพื้นที่ทำเลทองในการผลิตอาหารเพื่อปากท้อง หล่อเลี้ยงและจุนเจือผู้คนบนโลกใบนี้ได้ และเกษตรยังเป็นวิชาชีพแห่งชีวิตที่ต้องใช้ความทุ่มเทในการศึกษาและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถประสบความสำเร็จต่อไปได้
จากความชอบเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่เด็ก ได้คลุกคลีและเรียนรู้พัฒนาการ พฤติกรรมและลักษณะของสัตว์ด้วยตนเอง และจากกลุ่มผู้เลี้ยงเริ่มตั้งแต่ปลา สุนัข อีกัวน่า กิ้งก่าและงู ความเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต ทำให้หลงใหลและเกิดเป็นความรัก จึงเลือกเรียนสัตวศาสตร์ มทร.ธัญบุรี โดยการเรียนจะมุ่งเน้นการผลิตสัตว์เศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น การทำปศุสัตว์ในเนื้อที่จำกัด ไม่มีพื้นที่ในการปลูกพืชอาหารสัตว์ แต่ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดความคุ้มค่า รวมถึงการบริหารจัดการและวิจัย
“สัตวศาสตร์จะเรียนทฤษฎีและปฏิบัติควบคู่กันไป มีหลายครั้งเรียนปฏิบัติมากกว่าด้วย ความสนุกจึงอยู่ที่การได้ออกไปสัมผัสสิ่งมีชีวิตจริง ในปัจจุบันการเกษตรมีตัวช่วยสำคัญที่มาเสริมเติมคุณภาพและช่วยในการผลิตนั่นคือ เทคโนโลยี กระบวนการผลิตสัตว์มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งการลดระยะเวลาการผลิต การเก็บรักษาผลผลิต การหาวิธีการต่างๆ ที่จะเสริมการทำงานเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในที่สุด และไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวกระโดดไปมากเพียงใดมนุษย์เราก็ยังต้องการอาหาร อาหารก็มาจากการเกษตรเป็นหลัก จึงอยากให้ทุกคนให้เกียรติและยกย่องวิชาชีพการเกษตร” นายภูริตกล่าว
อีกหนึ่งหนุ่มจากสาขาวิชาประมง “ดั๊มพ์” นันทวัฒน์ แก้วเซือง ชั้นปี 3 ดีกรีประธานสาขาวิชาประมง บอกว่า เรียนประมงไม่ได้มุ่งเป้าเพื่อไปเป็นชาวประมง แต่มีรายละเอียดเชิงลึกกว่านั้นมากมาย เรียนพื้นฐานจนถึงเชิงลึกตั้งแต่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การอนุบาลสัตว์ การปรับปรุงสายพันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะพันธุ์ปลาที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์
“คณะเทคโนโลยีการเกษตร ผู้เรียนต้องมีความพยายาม ความทุ่มเทและอดทน มีหัวใจที่พร้อมลุยงาน และตนนั้นได้ไปฝึกงานกว่า 2 เดือน ที่ศูนย์การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเขต 7 จังหวัดชลบุรี ได้เรียนรู้การเพาะพันธุ์ปลาชะโอน การไปฝึกงานจะช่วยเติมเต็มและสร้างประสบการณ์ที่ดี ก่อนจะก้าวสู่โลกการทำงาน ได้เห็นทิศทางของสาขาวิชาชีพ ทำให้สามารถเตรียมพร้อมและกระตุ้นให้เราพัฒนาตนเองได้มากกว่าแค่ในห้องเรียน”
หนุ่มนักศึกษาประมงรายนี้มองว่า จุดแข็งสาขาวิชาประมงของ มทร.ธัญบุรี อยู่ที่การส่งเสริมและกระตุ้นให้นักศึกษาเป็นบัณฑิตนักปฏิบัติมืออาชีพ เรียนของจริง ปฏิบัติจริง รวมถึงชีวิตสังคมการเรียนของที่แห่งนี้มีความเป็นมิตร ช่วยเหลือและให้ความร่วมมือที่ดีระหว่างกัน ตั้งแต่กิจกรรมในสาขา เรื่อยไปจนถึงกิจกรรมระดับมหาวิทยาลัย และระดับประเทศ
“ขิง” ธันยภรณ์ พิมเสน ชั้นปี 2 สาขาวิชาเทคโนโลยีภูมิทัศน์ ขยายความว่าเทคโนโลยีภูมิทัศน์ ได้เรียนเกี่ยวกับต้นไม้ พืชพันธุ์และการออกแบบ เพื่อการจัดวางต้นไม้ในตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถสร้างบรรยากาศได้สอดคล้องกับธรรมชาติ สภาพแวดล้อม การออกไปเรียนรู้หน้างาน ลงมือทำงานจริงๆ จะช่วยสร้างและเติมเต็มความเป็นนักภูมิทัศน์ที่ดีได้ และเห็นว่าสาขาวิชาคณะเทคโนโลยีการเกษตรมีความหลากหลาย ผู้เรียนจะต้องเลือกเรียนตามความสนใจและความถนัด จึงจะสามารถเรียนอย่างมีความสุข และการร่วมกิจกรรมทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย จะทำให้เรามีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น มีเพื่อนและมีเครือข่ายมากขึ้นด้วย
ปิดท้ายที่ “มิลค์” อนามิกา ทองเหลา สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ชั้นปี 3 ร่วมแจมไอเดียว่า เมื่อได้มาเรียนที่แห่งนี้ พบว่าเป็นสังคมการเรียนที่มีความใกล้ชิด และได้รับการฟูมฟักจากอาจารย์อย่างอบอุ่น ที่สำคัญมีเครือข่ายความร่วมมือจากสถานประกอบการมากมายที่พร้อมจะส่งนักศึกษาไปเรียนรู้และฝึกงาน ส่วนตัวชอบเรียนวิทยาศาสตร์ สนใจเรื่องอาหาร จึงเลือกเรียนสาขานี้ ตั้งเป้าหมายจะเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพอาหารในโรงงานอุตสาหกรรม และวิจัยอาหาร
“ทุกสาขาวิชาชีพมีคุณค่า และมีความน่าสนใจเฉพาะตัว สำหรับคนที่จะเข้ามาเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์ด้านอาหารต้องมีพื้นฐานสายวิทย์คณิตที่แน่นพอสมควร รู้จักค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ ด้วยตนเองสม่ำเสมอ จะทำให้สามารถเรียนได้อย่างราบรื่น ภายใต้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”
นี่เป็นตัวอย่างรุ่นพี่ที่สะท้อนคุณค่าความเป็นเกษตรในยุค 4.0 ที่ตั้งใจและฝากไปยังน้องมัธยมศึกษาในการเลือกเรียนคณะเทคโนโลยีการเกษตร ที่สำคัญ อย่ามองข้ามอาชีพเกษตร ที่ขับเคลื่อนและหล่อเลี้ยงผู้คนในโลกใบนี้.