ไทยรัฐ (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562
นายว้าก/รายงาน
อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยวันที่พสกนิกรชาวไทย และชาวโลกจะได้ร่วมกันจารึกภาพประวัติศาสตร์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10
ก่อนที่จะถึงวันมหามงคลนี้ “นายว้าก” ขอนำเรื่องราวดีๆที่สร้างสรรค์ของ ผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ที่ได้น้อมนำพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในการดำเนิน โครงการจิตอาสาสู่การปฏิบัติผ่านกิจกรรมพัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย
ผศ.ณัฐ แก้วสกุล ผู้อำนวยการกองพัฒนานักศึกษา มทร.ธัญบุรี เล่าถึงที่มาที่ไปของกิจกรรมดังกล่าวว่า “ด้วยพระราชปณิธาน รัชกาลที่ 10 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการจิตอาสาพระราชทานพัฒนาชุมชน มทร.ธัญบุรีจึงได้จัดกิจกรรม โครงการจิตอาสาบูรณาการชั่วโมงกิจกรรมให้กับนักศึกษาได้ทำกิจกรรมพัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ตอบโจทย์การสร้างมหาวิทยาลัยสีเขียว ลดมลภาวะเพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่านกิจกรรมพัฒนาสิ่งแวดล้อม เช่น การลอกผักตบชวาในคูคลองมหาวิทยาลัย ด้วยพลังจิตอาสานอกจากนี้ได้ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบล อำเภอ เข้าร่วมโครงการจิตอาสาพัฒนาสิ่งแวดล้อมภายนอกมหาวิทยาลัย คัดเลือกคนต้นแบบจิตอาสาออกไปร่วมทำงานสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม โดยการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย 4-5 ปี ของนักศึกษาแต่ละคนจะต้องผ่านกิจกรรมการทำคุณประโยชน์ให้แก่คนอื่นและสังคมอย่างชัดเจน”
มาฟังบรรดาวัยโจ๋กันบ้างเริ่มที่ “เจ” ศุภรัตน์ รันตพันธ์ ปี 3 คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม บอกว่า “ผมได้นำความรู้เรื่องการเชื่อมที่เรียนมาใช้ทำอุปกรณ์ต่างๆในการเก็บผักตบชวาในคูคลองของมหาวิทยาลัย เช่น คราด ใช้ขุดลอกคลอง ทำตะแกรงใส่ขยะลงในถังคัดแยกขยะ เป็นต้น ผมเชื่อเสมอว่าการทำเพื่อคนอื่นจะส่งผลกลับมายังตัวเราหรือถ้าไม่กลับมาแต่เมื่อคนอื่นมีความสุขนั่นก็คือความสุขสำหรับตัวเราแล้ว ดีใจที่ได้นำความรู้ไปใช้เพื่อสังคม ได้ออกค่ายราชมงคลอาสาพัฒนาเฉลิมพระเกียรติ โดยได้รับผิดชอบดูแลเรื่องโครงสร้างอาคารเรียนหลายๆ โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ทำให้เด็กๆมีที่เรียนหนังสือ”
ขณะที่ “วาเลนไทน์” ภัทริน วิริยะ ปี 4 คณะวิศวะกรรมศาสตร์ มองว่า “การได้พัฒนาสิ่งแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะสิ่งแวดล้อมดีสุขภาพก็จะดีตามไปด้วย โดยได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนคณะอื่น ได้เก็บผักตบชวาจำนวนมาก ซึ่งถ้าทำคนเดียวคงทำไม่เสร็จและแม้ว่าแดดจะร้อน แต่ทุกคนก็ช่วยกันทำด้วยใจ นอกจากการเก็บผักตบชวาแล้วยังนำความรู้ที่ได้เรียนออกค่ายอาสาของมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งรู้สึกดีมากๆ”
“หลิว” ดณุพงษ์ พลดงนอก ปี 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ยิ้มก่อนเปิดปาก บอกว่า “หลังเลิกเรียนหรือทุกครั้งที่มีเวลาว่างผมจะเข้าไปเป็นช่างซ่อมบำรุงประจำคณะพยาบาล เนื่องจากคณะพยาบาลเป็นคณะใหม่ ส่วนใหญ่นักศึกษาเป็นผู้หญิง ดังนั้นเมื่อมีอุปกรณ์ต่างๆชำรุด ผมจึงได้นำความรู้ที่มีมาใช้ในการซ่อมแซมสิ่งของที่ชำรุดส่วนกิจกรรมการพัฒนาสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัย ผมและเพื่อนๆก็ได้เข้าร่วมทำให้เห็นพลังจิตอาสาความรักและความสามัคคีที่มีต่อมหาวิทยาลัยที่สำคัญได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์เพื่อส่วนรวม”
ส่วนสาวหน้าหวาน ซีเนียร์ คณะบริหารธุรกิจ “กิ๊ก” อัจฉราพรรณ ศรีตะลาลัย ร่วมแชร์ประสบการณ์ว่า “ได้ร่วมกิจกรรมลอกคลองภายในมหาวิทยาลัยแม้อากาศร้อนมากแต่ทุกคนก็สู้เต็มที่ ทำเพื่อมหาวิทยาลัย และการที่เป็นผู้หญิงจึงอาจจะไม่ได้ลงไปในคลอง คอยช่วยเกี่ยวผักตบชวาอยู่ริมคลอง ผักตบชวาเยอะมากถ้าไม่ลอกคลองจะทำให้น้ำเน่าและไหลเวียนไม่สะดวก ที่ผ่านมาเข้าร่วมทำกิจกรรมตลอดพยายามนำความรู้ที่ได้เรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ล่าสุดได้ออกค่ายอาสาบริหารธุรกิจสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ปลูกฝังด้วยการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ โรงเรียนบ้านโป่งตาสา จ.ฉะเชิงเทรา ช่วยทาสีห้องสมุด และบริจาคสิ่งของให้กับน้องๆ เป็นต้น”
ตามติดด้วย “ตรี” ธรรมศิริ จิตต์มั่น ปี 5 คณะศิลปกรรมศาสตร์ ส่งเสียงดังฟังชัดว่า “ทุกวันพระ ผมจะเล่นดนตรีที่วัดหว่านบุญ เป็นกิจกรรมที่ผมทำอย่างสม่ำเสมอ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถทำได้ นำความรู้ในเรื่องของดนตรีไปทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และได้ทำหน้าที่ของชาวพุทธส่วนการทำกิจกรรมเก็บผักตบชวาก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ผมสมัครใจเข้าร่วมได้ทำเพื่อบ้านของเรา ได้เห็นทุกคนมีพลังจิตอาสาแล้วดีมากๆ”
ปิดท้ายที่ “ไบท์” ภูริช พัฒนพานิช ปี 3 วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย เปิดปากบอกว่า “ผมเป็นตัวแทนนักศึกษาเข้าร่วมโครงการจิตอาสาส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุด้วยศาสตร์การแพทย์ ลงพื้นที่วัดชินตราราม ให้ความรู้กับผู้สูงอายุ นำความรู้ในห้องเรียนไปใช้จริง ถ่ายทอดนวัตกรรมเม็ดฟู่ที่ใช้ในการล้างเท้า นอกจากนี้ยังออกบูธ ตรวจสุขภาพฟรี ด้วยการเปิดคลินิกลอยฟ้า สถานีไฟฟ้าบีทีเอส นำศาสตร์ที่เรียนมาไปใช้ประโยชน์ เช่นเดียวกับกิจกรรมลงคลองลงแรงร่วมกับเพื่อนๆเพื่อเก็บผักตบชวา ไม่รู้สึกเหนื่อย และดีใจที่ได้ทำกิจกรรมนี้”
เห็นพลังจิตอาสา มทร.ธัญบุรี ร่วมกันพัฒนาสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย รวมถึงการช่วยดูแลสุขภาพสังคมใกล้ตัวแบบนี้แล้ว บอกเลยว่า “นายว้าก” รู้สึกปลื้มปริ่ม และขอปรบมือเป็นกำลังใจให้ดังๆ
ถ้าทุกพื้นที่ของประเทศไทยเต็มไปด้วยพลังจิตอาสาบ้านเมืองเราคงน่าอยู่กว่านี้เยอะเลย…ว่ามั้ย!!!