กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ
qualitylife4444@gmail.com
ในการจัดนิทรรศการยังต่างประเทศ นอกจากจะเป็นการประกาศความรักความชอบทางศิลปะให้โลกได้ด้วย เป็นการบอกว่าศิลปะแบบนี้โดยคนไทยสร้างสรรค์ขึ้นมา เป็นพลังผลักดันให้รุ่นน้อง นำศิลปะไทยโกอินเตอร์ เพราะว่าศิลปะไทยเป็นศิลปะไม่แพ้ชาติใดในโลก เป็นตัวขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับต่างประเทศสามารถนำศิลปะมาบอกว่าประเทศนั้นเจริญหรือไม่เจริญ ศิลปะเหมือนการลงทุนครั้งเดียว กินได้ตลอด
กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 8-28 ธ.ค.2561 ที่จะถึงนี้ รศ.สุวัฒน์ แสนขัติยรัตน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาศิลปะไทย ภาควิชาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี จะนำผลงาน “อนุภาคแห่งจิต” พุทธศิลป์ เรื่องราวของจิต มีความแข็งที่สุด มีความไวที่สุด มีความอ่อนโยนที่สุด และมีความงดงามที่สุด ใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์ คือ ครุฑแทนจิต งูใหญ่ 3 ตัวแทนความโลภ ความโกรธ ความหลง โดยพญาครุฑต้องควบคุมจิต คือการควบคุมอารมณ์ทั้ง 3 ชีวิตถึงจะมี ความสุข เป็นภาพปริศนาธรรมที่ใช้สัตว์หิมพานต์ในการสื่อความหมาย แสดงนิทรรศการ ณ Tokyo University of Art and design
เป็นการต่อยอดงานจากการเรียนปริญญาเอก การรังสรรค์ชิ้นงานที่เกิดจากการเรียนรู้ ค้นคว้าต่อยอดจากระดับดุษฎีบัณฑิตที่สร้างสรรค์ใช้เวลากว่า 1 ปี ผ่าน 25 ชิ้นงานเป็นการสื่อประเพณีไทยเป็นรอยต่อ ของงานร่วมสมัย แต่ไม่ใช่ศิลปะสมัยใหม่ ศิลปะพัฒนาจากฐานความคิดที่เป็นไทยศิลปะที่เป็นมงกุฎของสยามประเทศ คือศิลปะไทย แสดงความเป็นไทยที่ชัด แต่ต้องแสดงถึงความร่วมสมัย ความคิดแบบร่วมสมัย
แต่สร้างสรรค์งานทั้ง 2 รูปแบบ คืองานแบบจิตรกรรมไทยและงานที่ทำแบบซับซ้อน ด้วยสีอะคริลิค สสับสีหรือใช้แปรงสะบัดสี ให้มีการทับซ้อนของสี เห็นเป็นรอยน้ำไหล มีทุกภาพที่แสดง เหมือนศิลปะภาพพิมพ์แต่ทำด้วยมือ มีความอิสระมากกว่าภาพพิมพ์ นำไปจัดแสดง 14 ภาพ ขนาดใหญ่สุดคือขนาดภาพ 2 เมตรคูณ 3 เมตร
“ในการสืบสานศิลปะไทยต่อ ถ้าเป็นครูอย่างเดียวไม่เป็นศิลปินก็ไม่ได้ เพราะครูไม่สามารถวาดรูปด้วยปาก ถ้าเราไม่สำเร็จ ให้ลูกศิษย์เห็น ลูกศิษย์ก็จะไม่เชื่อ ถ้าได้ ทุกอย่างเหมือนสิงโตคำรามมันจะมีพลัง แสดงให้ลูกศิษย์ได้เห็นปลายทางยังคงมี ความสว่าง ต้องเป็นตัวอย่าง ซึ่งในการแสดง ศิลปะในครั้งนี้จะมีการ MOU ระหว่างมหาวิทยาลัยด้วยในการทำความร่วมมือด้านศิลปะต่อไปในอนาคตด้วย”
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับสมาคมสโมสรพนักงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ไร่เชิญตะวัน และเรือนศิลป์แสนขัติยรัตน์จัดนิทรรศการ “โพสพาญชลี” คุณพระ โพศรี เทวนารีแห่งนาข้าว PHOSAPAN CHALEE : The Value of God dess of Rice งานแสดงผลงาน ประติกรรมและจิตรกรรม ซึ่งได้ แรงบันดาลใจมาจากพระแม่โพสพ ส่วนที่ 1 เป็นส่วนของผลงานเมล็ดข้าว และอีกส่วนผลงานพระแม่โพสพ ทั้งที่เป็นจิตรกรรมและประติมากรรม ถ่ายโยงจากความคิด วิธีการศึกษาของโบราณ ตั้งแต่ยุคสมัยยุโรปและเอเชีย มาสู่ศิลปะไทยที่เป็นผลงานประติมากรรม ผ้ายันต์ เข็ม และเหรียญ และถ่ายทอดสู่งานวิจัยเชิงสร้างสรรค์
โดยพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า อทิตยาทรกิติคุณเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด ในวันที่ 19 ธ.ค.2561 ณ หอศิลป์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่บางเขน เวลา 16.00 น.เข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 19-28 ธ.ค.2561 เวลา 09.30-13.30 น.
“งานศิลปะครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวนา ยืนด้วยลำแข้งของตนเองและพร้อมจะก้าวเดินไปข้างหน้า”
รวมทั้งยังได้จัดสร้างเหรียญพระแม่โพสพยืน เพื่อหาทุนสนับสนุนการดำเนินงานสร้างโรงเรียนชาวพุทธเศรษฐศาสตร์ และจัดสร้างอาคารปฏิบัติธรรม ณ ไร่เชิงตะวัน จ.เชียงราย และนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลน และผู้ป่วยติดเตียง ผู้ยากไร้ในชนบท
โดยลักษณะของเหรียญเป็นพระแม่โพสพในเมล็ดข้าว ด้านหน้าเป็นรูปพระแม่โพสพยืน บนของเมล็ดข้าวเป็นรูปพระพุทธเจ้า สื่อถึงการทำงานภายใต้กรอบความคิดแห่งพุทธ การนำหลักคิดทางพระพุทธศาสนาเป็นตัวยึดในการดำเนินงานทุกอย่าง
ในส่วนของพระแม่โพสพถือรวงข้าวในมือทั้ง 2 ข้าง ยืนอยู่บนดอกบัว แสดงถึงความดีงาม ใต้ฐานดอกบัวมีก้อนเงินจีน ที่มีคำว่า มั่งมี ศรีสุข ด้านหลังของเหรียญออกแบบเป็นการเขียนอักขระยันต์ซึ่งมีความหมายว่ามั่งมี ศรีสุข การทำมา ค้าขายขึ้น มีรูปปลา 2 ตัวอยู่ด้านล่าง และตรงกลางเป็นสัญลักษณ์ของ ธ.ก.ส. ออกแบบเหรียญตามหลักพระพุทธศาสนา ดำเนินด้วยขวัญกำลังใจของพระแม่โพสพผู้อภิบาลดูแลปกป้องต้นข้าว ให้ได้รับเงินทองจากอาชีพที่สุจริตและมั่งมีศรีสุข ผู้ที่สนใจดูข้อมูลได้ที่ https://www.baacclub.me