ข่าวสด (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร) ธัญบุรี ตามที่ขอพระราชทานเพื่อน้อมนาไปถวายพระสงฆ์จาพรรษา ณ พระอารามหลวง วัดแก้วพิจิตร ซึ่งจะมีกาหนดในวันเสาร์ที่ 17 พ.ย.2561
รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยได้เตรียมความพร้อมและการปฏิบัติกับวัดแก้วพิจิตร เพื่อความเรียบร้อยตามประเพณีนิยม ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บูรณปฏิสังขรณ์วัด ทั้งยังตระหนักและย้ำเตือนถึงหน้าที่ชาวพุทธในการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่และมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป
ด้าน พระครูยุตติคุณากร (สายหยุด คุณยุตโต) เจ้าอาวาสวัดแก้วพิจิตร กล่าวว่า เป็นโอกาสอุดมมงคลที่จะมีการเชิญผ้าพระกฐินพระราช ทาน ทอดถวายพระสงฆ์ ณ พระอารามหลวง วัดแก้วพิจิตร จ.ปราจีนบุรี เป็นวัดเก่าแก่ในฝ่ายธรรมยุต จากข้อมูลพบว่า สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2422 อายุปัจจุบันราว 139 ปี เป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดที่พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์เคยเสด็จฯมาแล้ว รวมถึงพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่
คุณค่าทางจิตใจของวัดแก้วพิจิตร ทั้งปูชนียวัตถุและปูชนียสถานที่สำคัญ และมีประวัติน่าสนใจคือ ‘พระอุโบสถ’ ที่ผสมผสานความเป็นสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม 4 ชาติ ระหว่างไทย จีน เขมร และตะวันตก ถือเป็นพระอุโบสถแห่งเดียวในประเทศไทยที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สร้างขึ้นโดยช่างและแรงงานชาวเขมรในสังกัดของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และได้รับการผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ.2464 และมี ‘พระพุทธรูปปางอภัยทาน’ ที่มีองค์เดียวในโลก เป็นพระประธานภายในพระอุโบสถ ออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในปี พ.ศ.2462
ส่วนด้านหลังพระพุทธรูปปางอภัยทาน จะเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ซึ่งเป็นพระประธานองค์เก่าประดิษฐานอยู่
ในศาลาการเปรียญวัดแก้วพิจิตร เป็นที่ประดิษฐานของ ‘พระรัตนสุวรรณ’ เป็นพระทองคำศักดิ์สิทธิ์ปางมารวิชัย ทรงเครื่องประดับอัญมณีหน้าตักกว้าง 4 นิ้ว พร้อมฐานลงยาสีเขียวกว้าง 7 นิ้ว มีการเล่าสืบต่อกันมาว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระราชทานให้ตระกูลอภัยวงศ์ เมื่อครั้งไปรับราชการที่เมืองพระตะบอง ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้ถวายให้เป็นพระประจำวัดแก้วพิจิตร ให้ได้กราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล และปัจจุบันมีความเชื่อว่า หากใครที่ไปรับราชการหรือรับตำแหน่งใหม่ ควรหาโอกาสไปกราบขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
ขณะเดียวกัน ยังปรากฏ พระยอดธง ที่เป็นพระเครื่องที่สันนิษฐานกันว่าสร้างไว้เพื่อติดกับยอดเสาธงนำทัพในสมัยโบราณ ที่ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สร้างความกล้าแกร่งในการสู้รบและเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ โดยพระยอดธงที่พบเป็นพระพุทธรูปปางรับมธุปายาส ลักษณะนั่งห้อยพระบาท แบพระหัตถ์ทั้งสองวางบนพระชานุ เนื้อโลหะ ติดอยู่บนปลายเสาธง และมี ‘ผืนธงรูปสามเหลี่ยม’ ในผืนธงมีตัวอักษรและอักขระภาษาขอมโบราณ ซึ่งจากมูลเหตุการเล่าขานและการสืบค้นจากพงศาวดารเขมร อาจบ่งชี้ได้ว่าพระยอดธงและธงนี้เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ถือเป็นพระเครื่องอันทรงคุณค่า
นอกจากนี้ ยังมีสถาปัตยกรรมตะวันตกผสมกับความเป็นไทย นั่นคือ ‘หอไตร’ โดยซุ้มประตูและหน้าต่างประดับตกแต่งด้วยกระจกสี มีสัญลักษณ์ของผู้สร้างที่ฐานเสา หน้าบันจะมีหัวสิงโตวางอยู่บนพาน มีนางฟ้าถือดอกบัวขนาบ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2464 ถัดมา ‘หอระฆัง’ มีเครื่องยอดเป็นทรงมณฑปตั้งอยู่ภายในระเบียงดาดฟ้าชั้น 3 อาคารก่ออิฐถือปูน
ยังมีสถานที่สำคัญอีกแห่ง คือโรงเรียนบาลีธรรมวินัยและหนังสือไทย เป็นอาคารชั้นเดียวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นบนเป็นดาดฟ้า ประกอบยอดโดมคล้ายโดมของกรีก และอาคารดังกล่าวได้รับพระราชทานนามว่าโรงเรียนอภัยพิทยาคาร ปัจจุบันใช้เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม
จึงขอเชิญชวนเข้าร่วมเพื่อเป็นเกียรติและอนุโมทนาในกุศลมงคล ที่ มทร.ธัญบุรี ได้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินในครั้งนี้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2549-3054