พื้นที่ป่าอนุรักษ์ซึ่งเป็นต้นน้ำลำธารและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วด้วยเงื้อมมือมนุษย์ ส่งผลให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล น้ำป่าไหลหลากท่วมพื้นที่ตอนล่างและดินโคลนถล่ม สร้างความเสียหายให้กับผู้ประสบภัยอย่างมหาศาล
ด้วยตระหนักในภัยพิบัติร้ายแรงและมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ “300 ชีวิตจากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี” จึงมีฉันทามติจัดโครงการ “โยธาราชมงคลธัญบุรี ปลูกป่า รักษ์น้ำ รักแผ่นดิน” ณ อ่างเก็บน้ำคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา
ก่อนที่จะไปจับเข่าคุยกับน้องๆ ตัวแทนวิศวกรรมโยธา อาจารย์กุลยา สาริชีวิน อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา ประธานโครงการเกริ่นว่า “เหตุผลที่ภาควิชาวิศวกรรมโยธาเลือกไปปลูกป่าที่อ่างเก็บน้ำคลองสียัด เพราะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่เก็บกักน้ำเพื่อประโยชน์ทางการเกษตร ภูมิทัศน์โดยรอบมีความสวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงต้องการไปสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับพื้นที่ดังกล่าว ทางภาควิชาจึงจัดโครงการขึ้นมาเพื่อให้นักศึกษา คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนสร้างเจเมืองน่าอยู่ทั้งยังเป็นการปลูกจิตสำนึกที่ดีเรื่องการเสียสละเพื่อสังคมและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี”
ต่อกันด้วย 5 นักศึกษาชั้นปีที่ 2 อาสาเป็นตัวแทนเริ่มจาก “มิลิน”…นวกชม ณ โพนหินกลาง รับช่วงสานต่อว่า “ทุกวันนี้เมืองไทยอากาศร้อนมาก ต้นไม้น้อยลง เพราะว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ตามชุมชนเมืองมีแต่ตึก การมาปลูกป่าของพวกเราในวันนี้เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับโล เมื่อตอนมัธยมปลายเคยมีโอกาสออกไปสร้างฝายกั้นน้ำ ดีใจที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมการปลูกป่าเพิ่มพื้นที่สีเขียว ถือเป็นกิจกรรมใหญ่ครั้งแรกที่มิลินได้ออกไปทำกิจกรรมนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นการปลูกจิตสำนึกที่ดีในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเป็นการใช้เวลาว่างทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม” ตามมาติดๆด้วย “นิว”…พรหมเนตร ขันธ์ควร บอกว่า “ดีใจที่ได้มาร่วมกิจกรรมปลูกป่าในวันนี้ เพราะทำให้รู้จักถึงความเสียสละในการทำเพื่อส่วนรวมสิ่งที่ทำให้พวกเราหายเหนื่อยคือต้นไม้ที่ปลูกเรียงกัน และพวกเราช่วยกันคนละไม้คนละมือทำให้พื้นที่ 7 ไร่ เต็มไปด้วยต้นไม้ที่เราช่วยกันปลูก การที่เราเป็นจุดเล็กๆของสังคมแต่เราได้ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม เพราะต้นไม้ที่ปลูกจะเติบโตเพื่อให้ร่มเงาในอนาคตเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โลก อยากให้ทางภาควิชามีโครงการแบบนี้ทุกปี และนิวจะเข้าร่วมโครงการทุกปี”
“มนต์”…ศศิประภา ประเสริฐศักดิ์ เล่าว่า “การมาทำกิจกรรมปลูกป่าในครั้งนี้เป็นการแสดงออกถึงพลังนักศึกษา ที่มีความประสงค์ร่วมกันที่จะปลูกต้นไม้ทดแทนที่ถูกทำลายไป หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสิ่งแวดล้อม ต้องบอกว่าน้อยครั้งที่พวกเราจะได้รวมตัวทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนแต่ทุกคนก็ไม่ท้อถอย พวกเราช่วยกันปลูกต้นไม้ทั้งหมด 7 ไร่จนเสร็จ จากนั้นก็เก็บขยะบริเวณอ่างเก็บน้ำและเมื่อทำกิจกรรมเสร็จแล้วก็มาร่วมกันแปรอักษร ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน แต่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ร่วมมือกันจนสามารถแปรอักษรออกมาได้สำเร็จ ถือเป็นกิจกรรมที่แสดงถึงความสามัคคีระหว่างพี่น้องได้เป็นอย่างดี”
“เจ”…สิริ คลังนุช สาธยายต่อว่า “พวกเราไม่เคยทำกิจกรรมร่วมกันมากขนาดนี้ เนื่องจากเวลาเรียนและเวลาในการทำกิจกรรมไม่ตรงกัน การไปปลูกป่าเป็นกิจกรรมที่เจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมในอนาคต เพราะเมื่อต้นไม้เติบโตจะสร้างความร่มรื่น ช่วยกักเก็บน้ำไว้ให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรม แต่ต้นไม้แต่ละต้นกว่าจะโตต้องใช้เวลา ความยากลำบากของพวกเราในครั้งนี้คือต้องปลูกต้นไม้ในพื้นที่ 7 ไร่ ซึ่ง 5 ไร่ มีการขุดหลุมไว้ให้แล้ว แต่อีก 2 ไร่ ต้องขุดเอง ซึ่งดินแข็งทำให้ขุดยากแต่เมื่อเราร่วมแรงร่วมใจช่วยกันทำจนสำเร็จ ทำให้รู้ว่าการให้มีความสุขเพียงใด”
ปิดท้ายด้วย “เจมส์”…ชินวัตร จงเย็นกลาง นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ยิ้มภูมิใจก่อนบอกว่า “ส่วนตัวเป็นคนชอบทำกิจกรรม เคยออกค่ายอาสาสร้างห้องน้ำตามโรงเรียนต่างๆ โครงการปลูกป่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ดี ได้สร้างประโยชน์ให้ส่วนรวม การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เกิดขึ้นเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขภาวะโลกร้อน ทุกวันนี้เมืองไทยร้อนมาก อาจเป็นเพราะต้นไม้ในเมืองไทยลดลง มีแต่ตึกที่เกิดขึ้นมากมาย การปลูกต้นไม้จะช่วยเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นแหล่งกรองมลพิษ และผลิตก๊าซออกซิเจน ซึ่งเป็นการช่วยกันสร้างสิ่งแวดล้อมดีๆให้กับสังคม”
แม้การปลูกป่าทดแทนป่าไม้ที่ถูกทำลายจะต้องใช้เวลา แต่ “นิสิตา” เชื่อเหมือนที่น้องๆเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาลงมือทำในวันนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในวันข้างหน้า
มาช่วยกันเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อโลกที่น่าอยู่ของเรา!!!