สยามรัฐ ฉบับวันที่ 02 ตุลาคม พ.ศ. 2561
สุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากยุทธศาสตร์Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่ต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมการส่งเสริมให้เอสเอ็มอีไทยปรับตัวเข้าสู่สังคมยุคดิจิทัล ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก เพื่อสนับสนุนให้เป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(GDP SME) ขยับสู่ 50% ของ GDP ประเทศ ภายในปี2564 สสว.จึงได้ดำเนินการ โครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SME หรือ SME ONLINE อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ได้ร่วมมือกับ 4 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) จนสามารถส่งเสริมให้เอสเอ็มอีรายใหม่ มีทักษะในการทำการตลาดออนไลน์ และมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ในรูปแบบ Busin ess to Business to Customer (B2 B 2C) รวมทั้งพัฒนาเอสเอ็มอีที่ ค้าขายออนไลน์อยู่แล้วให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
โดยโลกยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก หากเอสเอ็มอีไทยไม่ตื่นตัวที่จะพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง ย่อมเป็นการยากที่จะอยู่รอดเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในยุค 4.0 เอสเอ็มอีควรปรับเปลี่ยนองค์ประกอบบางอย่างในธุรกิจ เช่น Digital Transformation นำเครื่องมือดิจิทัลมาเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจ สสว.ในฐานะหน่วยงานหลักในการให้การส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงได้รวมพลังกับพันธมิตรในการพัฒนาเอสเอ็มอีที่กระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ในโครงการ SME ONLINE ซึ่งมีการพัฒนาหลักสูตรการอบรมที่เน้นปฏิบัติจริงอย่างหลากหลาย เพื่อให้บริการองค์ความรู้แก่เอสเอ็มอีที่มีพื้นฐานความรู้และธุรกิจแตกต่างกันไปโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับจุดเด่นที่ส่งเสริมให้โครงการ SME ONLINE ประสบความสำเร็จด้วยดีคือ รูปแบบการอบรมที่มีให้เลือกเรียนรู้ตามสะดวกทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่อบรมเอสเอ็มอีไปแล้ว 10,000 รายทั่วประเทศ การสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ที่เข้าร่วมอบรมมากถึง 50%ในการเตรียมทำการตลาดออนไลน์เบื้องต้น เช่น สอนเทคนิคถ่ายภาพการเขียนคอนเทนต์ รวมทั้งการเปิดร้านค้าออนไลน์กับ e-Market place ที่เข้าร่วมโครงการ ที่สำคัญคือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อให้เอสเอ็มอีได้มีประสบการณ์จริงในการค้าขายออนไลน์ และสร้างความมั่นใจในการเริ่มต้นธุรกิจช่องทางใหม่ ขณะที่เอสเอ็มอีที่มีร้านค้าออนไลน์อยู่แล้วยังสามารถเพิ่มเติมเทคนิคขั้นสูงที่จะช่วยติดอาวุธให้ออนไลน์เป็นช่องทางการตลาดที่ยั่งยืนต่อไป เห็นได้ชัดว่าเอสเอ็มอีวันนี้ตื่นตัวและกระตือรือร้นที่จะทำธุรกิจทางออนไลน์มากขึ้นและไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาด เมื่อระบบนิเวศเอื้อต่อการทำธุรกิจ ก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดการเติบโตของเอสเอ็มอีไทยได้
สำหรับ e-Marketplace ชั้นนำของประเทศที่เข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าของเอสเอ็มอีมี 11 รายประกอบด้วย Shopee,Buzzebees,Lnwmall,welovershopping, Tarad.com,Thailandmall,smesiam,Lnwshop,Beautynista,Shopseason,Pinsouq แต่ละรายต่างร่วมมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้เอสเอ็มอีได้มีโอกาสทดลองค้าขายและสร้างรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ปรากฏว่ากลุ่มสินค้าที่ขายดีจะเป็นสินค้ากลุ่มแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ประกอบการ สสว.จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ อาทิ การทำคูปองส่วนลด และที่พิเศษคือการร่วมมือกับ 5 e-Marketplace จัดแคมเปญ SME 1 BAHT ลดราคาสินค้าที่อยู่ภายใต้โครงการ SME ONLINE จำนวน500 รายการ โดยจำหน่ายในราคา 1 บาท สำหรับ ส่วนที่เหลือ สสว.จะเป็นผู้สนับสนุน แต่ไม่รวมค่าขนส่ง
ทั้งนี้การดำเนินงานโครงการ SME ONLINE ในปีนี้ ผู้อำนวยการ สสว. เผยมีผู้ประกอบการได้รับความรู้และประโยชน์จากโครงการกว่า 52,000 ราย มีสินค้าและบริการเข้าร่วมจำหน่ายผ่านทางออนไลน์กว่า 62,000 รายการ และสามารถสร้างยอดขายให้กับผู้ประกอบการกว่า 110 ล้านบาท และในปีต่อไปมิชชั่นที่ สสว. จะเดินหน้าลุยต่อคือ สานต่อโครงการ SME ONLINE ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการค้าออนไลน์ให้กับเอส เอ็มอีไทยในยุคการแข่งขันดิจิทัล ภายใต้พันธกิจหลัก คือ ผู้สนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยรอบด้านทั่วทั้งประเทศ