สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561
นายพิทยา โกยสกุล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงโครงการทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจผู้ให้บริการขนส่ง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (ระยะที่ 3) ว่า กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าพัฒนาเขตการค้าเสรีต่างๆ ซึ่งต้องมีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน ตรงนี้ภาคการขนส่งและโลจิสติกส์จึงเป็นเรื่องสำคัญ และผู้ประกอบการต่างชาติก็ได้เข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะต้องส่งผล กระทบต่อขนส่งไทยอย่างแน่นอน
ดังนั้น ทางกระทรวงพาณิชย์จึงต้องช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันกับตลาดต่างชาติได้ ด้วยการจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพขนส่งและโลจิสติกส์ไทยให้มีศักยภาพที่สูงขึ้น เพราะการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในธุรกิจผู้ให้บริการขนส่งนั้น ต้องเริ่มตั้งแต่ระดับชั้นเรียนถึงจะช่วยพัฒนาภาคโลจิสติกส์ได้
นายนพพร เทพสิทธา อดีตประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยต้องมีระบบการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานการพัฒนาการขนส่งในประเทศจะต้องมีการปฏิวัติระบบการขนส่งให้ได้ทั้ง 4 ยุคให้ได้
“ยุคแรกเป็นยุคสมัยที่ต้องพัฒนา การบริหารต้นทุนค่าขนส่ง ยุคแห่งการพัฒนา ระบบการจัดการภายในองค์กรที่มีระบบและมีประสิทธิภาพ ยุคแห่งการนำเทค โนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ในระบบขนส่ง และกระบวนการบริหารจัดการในองค์กร ให้มีความเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ และสุดท้ายเป็นยุคแห่งการพัฒนาที่นำการปฏิวัติทั้ง 4 ยุคเข้ามาประกอบใช้ได้อย่างครบถ้วนและเต็มประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ ธุรกิจการบริการขนส่งปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก จำเป็นที่ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและปฏิวัติองค์การในภาพรวม และต้องการให้ทัน 3 ปัจจัยแห่งการเชื่อมโยงถถึงจะอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็น การก้าวทันโลกแห่งการเชื่อมโยง โลกแห่งการคาดการณ์ด้วย Big Data และโลกแห่ง AI โดยใช้โลกแห่งปัญญาหลายสาขาหลอมรวมเป็นพลังไขปัญหาและอุปสรรค พร้อมสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจให้สามารถ สู้กับคู่แข่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้าน นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน หรือ ATF กล่าวว่าเมื่อเทรนด์ยุคการค้าโลกเปลี่ยนแปลงและพลิกโฉมไปจากเดิม การปรับตัวของผู้ประกอบการไทยต้องปรับฐานความคิดและวิสัยทัศน์ให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบการบริหารจัดการ เทคโนโลยี และบุคลากร
“การเปลี่ยนผ่านจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่งถือเป็นพลวัตรแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวและก้าวให้ทัน ปัญหาด้านทรัพยากรมนุษย์ก็เป็นอีกภาคส่วนที่ต้องปรับตัว เช่น ปัญหาคนขับรถบรรทุกที่ยังเป็นปัญหาดินพอกหางหมูมานาน ทั้งคนขับรถบรรทุกไร้ประสิทธิภาพและขาดแคลนตลาด เพื่อการแก้อย่างยั่งยืน ทำอย่างไรถึงจะพัฒนาให้เขามีคุณภาพและประสิทธิภาพ และก้าวทันความต้อง การของตลาดและทันเทคโนโลยีโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ผมเสนอให้ทุกภาคส่วนต้องคิดร่วมกันว่าทำอย่างไรจะทำให้คนขับรถบรรทุกเป็น “เถ้าแก่น้อย” ให้ได้ นั่นหมายความว่าเป็นการสร้างความมั่นใจกับเขาว่ามีความมั่นคงในอาชีพ”
ด้าน ดร.ชุมพล สายเชื้อ รองนายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท บี.เอส. ขนส่ง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ มาแรงมาก ส่งผลให้มีผู้ประกอบการขนส่งต่างๆ ทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาร่วมวงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นจำนวนมาก แต่ขนส่งต่างชาติจะได้เปรียบในเรื่องเงินทุนที่มีการเพิ่มทุนเข้ามาเป็นมูลค่ามหาศาล และกำลังจะครอบครองธุรกิจขนส่งในประเทศไทย ดังนั้น ขนส่งไทยต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดให้ได้
“เราต้องมองการพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเองมาบริการลูกค้า เพราะคนที่สามารถผลิตและพัฒนาแพลตฟอร์มขึ้นมาได้จะเป็นผู้คุ้มอำนาจ และร่ำรวยเป็นอันดับโลก ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มอาลีบาบา (Aliba ba) ที่มีการขายสินค่าผ่านระบบไอทีเมื่อขายแล้วจะใช้โลจิสติกส์ใดก็ได้เพื่อขนส่งสินค้าให้ อีกกลุ่มก็คือ อูเบอร์ ซึ่งเป็นระบบที่ไม่มีรถขนส่งเป็นของตัวเองเลย แต่สามารถขนส่งและบริการลูกค้าได้ ดังนั้น การก้าวสู่ยุคใหม่ต้องมีการปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลง”
อย่างไรก็ดี การพัฒนาด้านบุคลากรด้านขนส่งก็เป็นเรื่องสำคัญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเข้ามาร่วมมือกันไม่ว่า จะเป็นภาครัฐ ภาคขนส่ง สถาบันการศึกษา เพราะการศึกษาจะเป็นแหล่งที่พัฒนาคนออกมาสู่ตลาดได้เป็นอย่างดี แต่การศึกษาระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาในการศึกษานานถึง 4 ปี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องมีการอบรมระยะสั้น แต่ได้บุคคลที่ได้มาตรฐานป้อนสู้ตลาด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในวงการโลจิสติกส์
ขณะที่ นายนิติ วิทยาวิโรจน์ ผู้อำนวย การสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กล่าวว่า ภาคธุรกิจการ ขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สามารถเพิ่มรายได้ให้ประเทศได้คิดเป็น 14% ของ GDP และมีแรงงานในตลาดโลจิสติกส์มากถึง 2 ล้านคน คิดเป็น 5% ของตลาดแรงงานรวม 40 ล้านคน ภาคสถาบันการศึกษาก็ปรับตัวรับมือกับตลาดดังกล่าวนี้
“ปี 2561 นี้ มีสถาบันการศึกษาเปิดสาขาด้านโลจิสติกส์มากถึง 35 สถาบัน แต่ต้องยอมรับว่าการผลิตนักศึกษาระดับปริญญาตรีต้องใช้เวลาการศึกษานานถึง 4 ปี เชื่อว่าภาคขนส่งก็ไม่อาจจะทนรอได้ จึงต้องมีการอบรมภาคโลจิสติกส์ระยะสั้น ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านโลจิสติกส์ได้ โดยทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงมีการพัฒนาการจัดอบรมภาคโลจิสติกส์ระยะสั้นให้กับกลุ่มคนโลจิสติกส์ให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อเสริมศักยภาพ และยกระดับวงการขนส่งและโลจิสติกส์ ให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้”