สยามรัฐ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561
ปัจจุบันไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิตอลอยู่บนวิถีออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมการเงิน การช็อปปิ้ง การสร้างโลกเสมือนจริงจากเกม VR หรือแม้แต่การสะสมเงินสกุลดิจิตอล (Bitcoin) การจารกรรมข้อมูลในโลกไซเบอร์จึงมีให้เห็นมากขึ้นตามไปด้วยด้วย ฉะนั้นการมีความรู้เท่าทันเทคโนโลยีจึงมีความสำคัญสำหรับโลกอนาคต
จากผลสำรวจฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจของนิตยสาร “ดิ อีโคโนมิสต์” ปี 2017 ระบุว่า “นิวซีแลนด์” เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี และได้รับการยอมรับว่า เป็นอันดับหนึ่งของประเทศที่มีระบบการศึกษาที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการเตรียมความพร้อมและวางพื้นฐานให้เด็กนักเรียนก้าวทันการเปลี่ยนแปลงพร้อมสู่การใช้ชีวิตในยุคดิจิตอล และเศรษฐกิจโลกในอนาคต
กลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)นำโดย มทร.พระนคร จึงได้ร่วมกับหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย และบริษัทKnowledge plus education services ตัวแทนที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อประเทศนิวซีแลนด์ จึงได้จัดเวิร์กช็อปให้กับคณาจารย์และนักศึกษา
ของกลุ่ม มทร. ในหัวข้อ “เทคโนโลยีดิจิตอลกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสถาบันการศึกษาของประเทศไทยและสถาบันการศึกษาของนิวซีแลนด์ เพื่อนำไปสู่การ
พัฒนาด้านการศึกษาตามนโยบายของประเทศไทย และนำไปสู่การประยุกต์ใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิตอลให้เข้ากับสังคมและเศรษฐกิจในยุค Digital 4.0 โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จากสถาบันการศึกษาWINTEC ประเทศนิวซีแลนด์ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
Mr.Monjur Ahmed ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสารโทรคมนาคม ศูนย์ข้อมูลธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันการศึกษาWaikato Institute of Technology (WINTEC) กล่าวว่าการจะจับแฮกเกอร์ได้เราต้องรู้จักวิถีของแฮกเกอร์ก่อน ฉะนั้นการสอนให้นักศึกษารู้จักระบบต่างๆ ในระบบไซเบอร์ รวมไปถึงระบบความปลอดภัย จะช่วยให้นักศึกษามีความเชี่ยวชาญ และสามารถตรวจสอบ หรือตรวจจับกลุ่มผู้ก่อการร้ายทางไซเบอร์ไม่ให้เข้ามาขโมยข้อมูลสำคัญต่างๆ ได้สามารถลดอาชญากรทางไซเบอร์ไปได้มาก เมื่อทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ จะนำไปสู่ความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ และจะสามารถรองรับอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ในยุคดิจิตอลได้อีกด้วย
“การอบรมในครั้งนี้ ผมและนักศึกษาได้ร่วมวิเคราะห์สถานการณ์ของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่รวมไปถึงกฎหมายคอมพิวเตอร์ นิติกรรมทางคอมพิวเตอร์ ให้นักศึกษาได้ทำความรู้จักเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ การรวบรวมหลักฐานสำหรับสืบสวนหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ทางไซเบอร์ การตรวจสอบระบบปฏิบัติการของดิสก์อิมเมจ และการกู้ไฟล์ที่เสียหายไปแล้ว สำหรับตรวจสอบฮาร์ดไดรฟ์และสมาร์ทโฟน” ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบสื่อสารโทรคมนาคม จากสถาบันการศึกษา WINTEC ประเทศนิวซีแลนด์ กล่าวเสริม
เกียรติเกรียงไกร บุญเพ็ง นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จาก มทร.ธัญบุรี เล่าว่า พวกเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับความแตกต่างของการตรวจจับและตรวจสอบผู้กระทำผิดในระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ว่าเกิดจากบุคคล หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยนอกจากนี้ความรู้ด้านภาษาอังกฤษและการทำงานเป็นทีมนั้นสำคัญมากเนื่องจากข้อมูลสำหรับการเรียนรู้ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ และแฮกเกอร์ก็มีมากมายทั่วโลก หากเรามีความเข้าใจในภาษาเป็นพื้นฐาน ก็จะทำให้เราเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างถูกต้องด้วย ผมว่าถ้านักเรียนได้เรียนรู้ในเชิงปฏิบัติทุกวันสถาบันการศึกษาต่างๆ จะสามารถผลิตนักศึกษาที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศออกมาพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การจะจับแฮกเกอร์ได้เราต้องรู้จักวิถีของแฮกเกอร์ก่อน”