พระอาจารย์สุพล ขันติวโร เลขานุการค่ายพุทธบุตรพุทธธรรม วัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ในการเข้าค่ายพุทธบุตรพุทธธรรมทั้ง 3 รุ่น ของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะศิลปศาสตร์ ในเวลากลางวันแบ่งออกเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ 1. ให้รู้จักการใช้ชีวิตในวัด 2. มารยาทชาวพุทธ 3. การเจริญปัญญา และในเวลากลางคืนกับกิจกรรมมองสื่อมองธรรม สำหรับนักศึกษาทุกคนจะได้ใช้ชีวิตในวัด ฝึกการเป็นชาวพุทธ ทุกวันนี้สังคมไทยมีแต่ความวุ่นวาย ยกตัวอย่างง่ายๆ วัยรุ่นไทยยึดในเรื่องของวัตถุนิยม เห็นเพื่อนมีอยากมีอยากได้ ในการเข้าร่วมโครงการนี้ เป็นการฉุดคิดหรือสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับวัยรุ่น มาปฏิบัติในสิ่งที่ดีสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้น ซึ่งยึดหลักศีล 5 กำกับในเรื่องของความรัก 1. รักชีวิต 2. รักในทรัพย์ 3. รักในครอบครัว 4. รักในเกียรติ 5. รักสุขภาพไม่ทำร้ายกัน ถ้าสังคมไทยยึดหลักศีล 5 ความวุ่นวายในสังคมจะไปไม่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับในเรื่องของการรับน้องของรุ่นพี่ ควรใช้ความรักในการเข้าหาน้อง เป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของพี่ “โอบอุ้มด้วยธรรม” รุ่นพี่ไม่ใช่ผี อย่าทำให้น้องหวาดกลัว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฉลาด สว่างแจ้ง รองฝ่ายพัฒนานักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ เล่าว่า เนื่องจากในโลกปัจจุบันความเจริญทางด้านวัตถุ กระแสนิยมชาติตะวันตก ได้เข้ามาในสังคมวัยรุ่น บวกกับโลกแห่งเทคโนโลยีที่มีบทบาทอย่างมาก ยกตัวอย่าง ในโลกของโซเชียลมีเดีย ในการโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คตนเอง โดยความคิดที่โพสต์ลงไปเกิดจากอารมณ์ที่ไม่ได้รับการไตร่ตรอง สร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองโดยที่ไม่รู้ตัว เพื่อเป็นการเตือนสติให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยฯ เพื่อปลูกฝังให้นักศึกษามีคุณธรรมและจริยธรรม สร้างตระหนักและเห็นความสำคัญของการมีคุณธรรมและจริยธรรมในสังคม ตระหนักถึงกระบวนการคิดก่อนลงมือกระทำ โดยทุกอย่างล้วนเกิดมาจากการมีสติและสมาธิ
“พลอย” นางสาววริยา อิ่มอุดม นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร รุ่นพี่ที่เข้าร่วมโครงการ เล่าว่า สำหรับกิจกรรมนี้ เป็น 1 ในกิจกรรมรับน้องของคณะศิลปศาสตร์ ซึ่งตนเองเข้ามาช่วยงานในกิจกรรมนี้ ไม่ว่าจะในเรื่องของการปลุกน้องๆ ตักข้าวช่วยทางวัด และที่สำคัญยังได้คติธรรมจากพระอาจารย์ ในเรื่องของการปฏิบัติตัวต่อรุ่นน้อง ต้องมอบความรักและสิ่งดีๆ ให้กับรุ่นน้อง คอยให้กำลังใจในยามที่รุ่นน้องท้อแท้ ให้ความเมตตากรุณา โดยทางคณะศิลปศาสตร์จะอยู่กันเหมือนครอบครัว คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
“ป๊อบ” นายนครินทร์ เชาวันกลาง นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เล่าว่า ไม่เคยเข้ามาปฏิบัติธรรมที่วัด แต่เคยไปบำเพ็ญประโยชน์ที่วัด เช่น ขัดห้องน้ำ กวาดลานวัด 2 คืนที่วัด ความสงบที่สัมผัสได้ “ในการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องมีสติ เพื่อความเติบโตในวันข้างหน้า” สติ คือสิ่งที่สำคัญ คนเรามีทุกอย่างในโลกภายนอก ในเรื่องของปัจจัยสี่ที่ทำให้อยู่รอด สติเป็นตัวที่คอยเตือนใจของตัวเราเอง ต้องรู้จักผิดชอบชั่วดี
“กอล์ฟ” นางสาวดวงกลม กุมแก้ว นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาการโรงแรม เล่าว่า นอนวัดเป็นครั้งแรก และได้ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนจำนวนมาก รู้จักในเรื่องของการบริหารตนเอง บริหารเวลา ในเรื่องของการอาบน้ำตอนเช้า ต้องแบ่งปันเพื่อนที่อยู่ร่วมกัน ได้ฝึกสมาธิ และพระอาจารย์ยังแนะนำในเรื่องของการคิด คิดก่อนกระทำทุกครั้ง ถ้าทำอะไรก่อนคิดอาจจะเดือดร้อน เป็นกิจกรรมที่ดี ทำให้รู้จักอดทนและปรับตัวในเรื่องของการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น
“เป็นที่รู้กันว่า ทุกวันนี้ความมีคุณธรรมจริยธรรมในตัวเด็กไทยทุกวันนี้ ลดค่าน้อยลง ไม่ว่าเกิดปัจจัยอะไรก็ตามแต่ ตัวบุคคลต้องรู้จักการระงับความต้องการในตัวของตนเอง สิ่งนั้นคือสติ สติเท่านั่นที่เป็นตัวควบคุมทุกอย่าง”
ชลธิชา ศรีอุบล กองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี 02-549-4994